นายสิทธิศักดิ์ ยนต์ตระกูล อดีตประธานหอการค้า จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะรองประธานคณะทำงานศูนย์ประสานงานเครือข่ายภาคประชาสังคมในการต่อต้านทุจริต จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่เมื่อวานนี้ (19 มี.ค.) นายจิรวัฒน์ สุภาพ ผอ.สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขต 4 (ปปท.4) พร้อมคณะ เข้าติดตามโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลัก เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ งบประมาณ 148,200,000 บาท และโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแก่งดอนกลาง ต.กาฬสินธุ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ ความยาว 583 เมตร งบประมาณ 39,540,000 บาท ที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ โดยสาเหตุเกิดจากผู้รับเหมาทั้ง 2 โครงการ ซึ่งเป็นเจ้าเดียวกัน ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และได้รับสิทธิพิเศษขยายระยะเวลาดำเนินการก่อสร้างถึง 2 ครั้ง

ทั้งนี้ ตนพร้อมด้วยนายชาญยุทธ โคตะนนท์ ที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ คณะกรรมการธรรมาภิบาล จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย คณะกรรมการธรรมาภิบาล จ.กาฬสินธุ์ ว่าที่ร้อยตรี สมบูรณ์ หัสดม ผอ.ปปช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ และนายวิจิตร งามชื่น โยธาธิการและผังเมือง จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมตรวจสอบและให้ข้อมูลกับนายจิรวัฒน์ สุภาพ ผอ.สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขต 4 (ปปท.) และคณะ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

นายสิทธิศักดิ์กล่าวอีกว่า ตั้งแต่โครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินการเมื่อเดือน เม.ย. 62 ซึ่งในส่วนของการวางระบบท่อฯ ทั่วตัวเมืองทั้งหมด 7 จุด ปัญหาก็เริ่มเกิด ผู้รับเหมาทำงานล่าช้า ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต การค้าการขาย เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง กระทั่งทิ้งงาน ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ผู้ประกอบการตลอด แต่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น กระทั่งถึงปัจจุบัน จนชาวบ้านได้ขึ้นป้ายประจานมาแล้ว และตั้งชื่อโครงการก่อสร้างนี้ว่า “ก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร”

นายสิทธิศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า จ.กาฬสินธุ์กำลังเจริญก้าวหน้า ทัดเทียมจังหวัดข้างเคียงในภูมิภาคเดียวกัน แต่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ปัญหาที่เกิดจากการก่อสร้างที่ยังค้างคา เป็นสาเหตุสำคัญทำให้ จ.กาฬสินธุ์หยุดชะงัก ทุกอย่างแทบเป็นอัมพาต นอกจากสุขภาพจิตของพี่น้องประชาชนจะเสียหายเกินเยียวยาแล้ว เศรษฐกิจยังทรุดหนัก สามารถพูดได้ว่างบประมาณที่นำมาก่อสร้างฯกว่า 148 ล้านบาทนั้น ยังไม่เทียบเท่าเศรษฐกิจที่สูญเสียไปในแต่ละปี โดยประเมินปีละประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งหากนับรวมตลอด 5 ปีที่ผ่านมาจะมีมูลค่าความเสียหายในสภาพรวมถึง 750 ล้านบาททีเดียว

ด้าน นายสังวาลย์ การรักษา อายุ 51 ปี ผู้ประกอบการร้านอาหาร และจำหน่ายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ ถนนพร้อมพรรณ เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตั้งแต่โครงการก่อสร้างเริ่มลงมือ โดยนำรถแบ็คโฮมาขุดเปิดหน้าดินเพื่อวางท่อริมถนนหน้าร้าน พร้อมทั้งนำวัสดุ ท่อซีเมนต์ แผ่นเหล็ก มากองไว้ นอกจากจะกีดขวางการจราจร และเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งแล้ว ยังบดบังหน้าร้าน ลูกค้าไม่มีที่จอดรถ ทำให้กิจการค้าขายของตนได้รับผลกระทบอย่างมาก เป็นความเดือดร้อนที่สะสมมานาน แต่ไม่ได้รับการแก้ไขสักที ทำให้ทุกวันนี้เดือดร้อนมาก อย่างไรก็ตาม หากไม่เร่งรีบดำเนินการก่อสร้างให้เสร็จ ก็อยากเรียกร้องผู้รับเหมาให้มาขนย้ายรถแบ็คโฮ รวมทั้งขนย้ายวัสดุออกไปด้วย เพื่อจะได้มีพื้นที่จอดรถลูกค้า และตนจะได้ทำมาค้าขายหารายได้เลี้ยงครอบครัวต่อไป อย่าให้ปิดร้านหนีตายดาบหน้าเหมือนผู้ประกอบการรายอื่นเลย