เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 27 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัวชื่อ ‘สุรเชษฐ์ หักพาล’ ระบุว่า

“สวัสดีครับ พี่น้องสื่อมวลชน ทุกท่าน ทุกสำนัก ทั้งสิ่งพิมพ์ ทีวี และโซเชียล ผมยืนยัน ผมจะไม่มีการแถลงข่าวเปิดใจใดๆ ทั้งสิ้น ขอพี่น้องสื่อมวลชน อย่าได้ปั่นกระแส ให้เกิดความขัดแย้งอีก ท่านต้องมีจรรยาบรรณในการเป็นสื่อ มีสื่อโทรฯมาพูดคุยกับผม ผมก็รับสาย ผมบอกว่า วันที่ 1 เมษายน ผมจะประชุมเรื่องปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ผมเป็นประธานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ตามมติ ครม. แต่ท่านก็เขียนโยงว่า ผมจะเปิดใจ ผมขอความกรุณา ท่านอย่าทำอย่างนี้ เตือนนักข่าวที่สัมภาษณ์ผมให้หยุดนะครับ ถ้าไม่หยุดผมจะดำเนินคดีอาญา แล้วอย่ามาขอผมนะครับ

เพราะแม้ผมจะไปช่วยงานที่สำนักนายกฯ แต่ผมก็ยังต้องขับเคลื่อน ทั้งงานที่ได้รับมอบหมาย คือที่ปรึกษาด้านกฎหมายและการกระจายอำนาจ และการแก้ปัญหาปากท้องจากการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม และยังมีปัญหาเรื่องที่ดินพิพาท บนเกาะหลีเป๊ะ ผมยังต้องเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชน และไม่ได้คิดจะต้องการเวที เพื่อแถลงเปิดใจใดๆ ทั้งสิ้น ขอพี่น้องสื่อ อย่าได้ลงข่าวที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด

และเดือนเมษายนนี้ ผมในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จะเปิดโครงการทนายอาสา เพื่อให้คำปรึกษากับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จากการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม และผมจะไปนั่งให้คำปรึกษาเองทุกวันอังคารและพฤหัสบดี เวลา 16.30 น. เริ่มตั้งแต่วันอังคารหน้าเป็นต้นไป

ส่วนอีกโครงการผมกำลังวางแผนร่วมกับกรรมการสมาคม เพื่อจัดรถขนส่งมวลชน ไปส่งที่พี่น้องชาวใต้กลับบ้านในช่วงสงกรานต์นี้ ซึ่งผมอยากให้ทุกคนได้กลับไปเฉลิมฉลองกับครอบครัว ตอนนี้อยู่ระหว่างการวางแผนการทำงาน ฉะนั้นขอพี่น้องสื่อมวลชนได้โปรดเข้าใจ และนำเสนออย่างตรงไปตรงมา เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในเนื้อหาที่นำเสนอนะครับ ขอบคุณครับ เรามาสร้างสังคมแห่งความสามัคคีด้วยกัน”

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ได้มีผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กรณีที่ทนายตั้มออกมาแถลงข่าวแฉเรื่องส่วย และมีการเสนอข่าวว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้น ติดภารกิจอยู่ที่ต่างจังหวัดและยังไม่ได้ดูการแถลงข่าวของทนายตั้มแต่อย่างใด พร้อมกับจะให้สัมภาษณ์ในวันที่ 1 เม.ย. เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ซึ่งทำให้เจ้าตัวออกมาปฏิเสธว่าเป็นผู้ให้ข่าวดังกล่าว