เมื่อวันที่ 29 มี.ค. พ.ต.อ.นิวัฒน์ การสิทธิ์ ผกก.สภ.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมตัวนายไพรบูรณ์ จาดภักดี อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 200/3 หมู่ 6 ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี หลังจากให้การรับสารภาพว่า ได้ลงมือฆ่านางสุนันทา นันท้าว อายุ 47 ปี ภรรยาของตนเอง แล้วนำร่างไปฝังดินไว้อยู่ในสวนหลังบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอสนับสนุนกำลังจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และรถแบ๊กโฮ มาทำการขุดดินบริเวณหลังบ้านนายไพรบูรณ์ ตามคำให้การ โดยใช้เวลาขุดหาประมาณ 1 ชั่วโมง กระทั่งขุดลึกลงไปประมาณ 1 เมตร พบถุงกระสอบแบบ  7 สี เมื่อเปิดออกดู พบโครงกระดูกศีรษะถูกคลุมด้วยถุงพลาสติกดำ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลพบุรีมาตรวจสอบ พบร่างผู้ตายลักษณะผมยาว คาดว่าจะเป็นนางสุนันทา ที่ถูกนายไพรบูรณ์ สามีฆ่าตายฝังศพอำพรางไว้นานถึง 8 เดือน

สืบเนื่องจากวันที่ 27 มีนาคม 2567 นายเสกสรร สารรัตน์ อายุ 44 ปี น้องชายผู้ตาย ได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.โคกตูม ให้ช่วยติดตามาตัวนางสุนันทา ซึ่งปกติจะอยู่กินกับนายไพรบูรณ์ ที่บ้านผู้ต้องหาแบบสามีภรรยามา 2 ปี แต่เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา พี่สาวตนได้โทรศัพท์ให้ตนมารับพากลับบ้าน เพราะทะเลาะกับนายไพรบูรณ์ แต่พอตนมารับพี่สาว ปรากฏว่าไม่พบ จึงสอบถามนายไพรบูรณ์ อ้างว่าพี่สาวตนหนีออกจากบ้านไป จากนั้นก็ไม่พบหน้าพี่สาวตนและไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จึงทำให้สงสัยว่านายไพรบูรณ์ จะมีความลับซ่อนเร้นเกี่ยวกับตัวพี่สาวที่หายตัวไป ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามหาให้ด้วย หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว จนกระทั่งวันนี้ กำลังเจ้าหน้าที่ได้มาที่บ้านนายไพบูรณ์ ปรากฏว่าพอนายไพรบูรณ์ เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็วิ่งหลบหนีทันที แต่ก็ถูกควบคุมตัวเอาไว้ได้ นำตัวไปสอบปากคำจนรับสารภาพว่า ฆ่าเมียฝังดินเอาไว้หลังบ้าน

จากการสอบสวน นายไพรบูรณ์ ให้การสารภาพว่า ตนเองมีเมียมาแล้ว 4 คน แต่เลิกกันไปหมดแล้ว ผู้ตายเป็นเมียคนที่ 5 อยู่กินกันมาถึง 2 ปี อยู่กินกันช่วงแรก ก็มีเงินใช้จ่ายไม่ขาดมือ แต่มาภายหลังเงินทองที่ใช้จ่ายก็เริ่มร่อยหรอไป กระทั่งวันเกิดเหตุ 1 ส.ค. 66 นางสุนันทา ภรรยา มีปากเสียงกับตนอยู่หลังบ้าน และใช้คำพูดกับตนว่า “มึงหมดตัวแล้วก็ไม่มีความหมายกับกู กูจะไปหาผัวใหม่แล้ว แน่จริงมึงฆ่ากูเลย ถ้ามึงไม่ฆ่ากู กูจะฆ่ามึง” ฟังแล้วทำให้ตนเองรู้สึกเก็บกดมาก แถมยังมาถูกเมียรักกัดเข้าที่คอตน เจ็บมาก จึงหยิบเอาค้อนที่วางอยู่ในสวน ตีเข้าที่ท้ายทอยก่อน และตีซ้ำๆ ไปที่หัวอีกนับสิบครั้งจนนิ่งไป แล้วใช้ผ้าคลุมร่างไว้ จากนั้นตนได้กลับเข้าไปนั่งในบ้าน วางแผนคิดว่าจะเอาศพใส่รถพ่วงข้างไปทิ้งข้างทาง หรือจะเอาใส่ถังโบกปูนดี แต่ตัดสินใจเอาศพฝังไว้ที่จุดเกิดเหตุหลังบ้าน   จากนั้นเริ่มขุดดินเตรียมฝังศพไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้มีใครสงสัย หรือเห็นก็คิดว่าตนขุดดินปลูกต้นไม้ โดยขุดลึกลงไปประมาณ 1 เมตร จนเสร็จประมาณ 5 โมงเย็นวันเดียวกัน จากนั้นนำร่างเมียรักใส่ถุงกระสอบ เอาถุงดำคลุมหัวปิดกระสอบฝังกลบ หลังผ่านไปประมาณ 1 เดือน ตนยังคิดถึงเมียที่ฝังอยู่ ตกกลางดึกจะแอบไปนั่งกินเหล้าอยู่บนหลุมฝังศพเมียทั้งน้ำตา คิดว่าตนทำผิดพลาดไป บอกเมียขอให้อภัยตนด้วย  

หลังจากสอบสวนปากคำแล้ว จึงนำตัวนายไพรบูรณ์ ไปชี้จุดเกิดเหตุ พร้อมถ่ายภาพทำแผน นำตัวมาแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนร่างผู้ตาย มอบให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมต่อไป.