จากกรณีที่ตำรวจไซเบอร์ เปิดปฏิบัติการสนธิกำลัง เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตำรวจสืบสวน ภ. 8 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ กสทช. กว่า 100 นาย เข้าปูพรมตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่อำเภอฉวาง 1 จุดและอำเภอนาบอน อีก 1 จุดใน จ.นครศรีธรรมราช ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนรายใหญ่ ที่ลักลอบตั้งฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกคนไทยและชาวจีน ญี่ปุ่นและรัสเซีย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมขบวนการชาวจีนและผู้ร่วมขบวนการดำเนินคดีทั้งคนไทยและชาวจีน รวม 90 คน พร้อมตรวจยึดคอมพิวเตอร์ 228 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 80 เล่ม และอุปกรณ์ต่างๆ จำนวนมาก เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา
เกี่ยวกับเรื่่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 30 มี.ค. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. กล่าวว่า ในการดำเนินการของตำรวจไซเบอร์ต่อจากนี้อยู่ระหว่างให้ชุดสืบสวนตรวจสอบว่ากลุ่มเครือข่ายชาวจีนนี้จะมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายกลุ่มชาวจีนกลุ่มอื่นที่ลักลอบเข้ามาตั้งฐานในจุดอื่นของไทยอีกหรือไม่ ขณะนี้ให้ทางชุดสืบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า หลังจากที่หลอกเหยื่อสำเร็จเงินที่ได้มากลุ่มขบวนการนี้จะโอนออกไปต่างประเทศทั้งหมด
ทั้งนี้ทางตำรวจไซเบอร์ได้ประสานไปยังทางการจีนและญี่ปุ่นในเรื่องนี้แล้ว โดยทางการจีนและญี่ปุ่นจะส่งเจ้าหน้าที่เดินทางมาที่ไทย เพื่อร่วมประชุมหารือและทิศทาง ในการดำเนินการต่อจากนี้ เนื่องจากมีประชาชนทั้งสองประเทศได้รับผลกระทบจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ ซึ่งถือว่าเป็นอาชญากรข้ามชาติสำคัญรายใหญ่
ส่วนในกรณีที่มีการรายงานของสื่อที่ระบุว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนที่ทางตำรวจไซเบอร์บุกทลาย 4 จุด ในพื้นที่ อ.ฉวาง และอ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช มีนักการเมืองหญิงในพื้นที่ มีสามีเป็นชาวจีน เข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ ในขณะนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยงในเรื่องนี้แต่อย่างใด ซึ่งได้มอบหมายให้ทางชุดสืบสวนเร่งตรวสอบขยายผลในส่วนนี้แล้วว่ามีหรือไม่ เพื่อดำเนินการต่อไป.