ในส่วนของฮอลล์แยก อันเป็นฮอลล์ที่อยู่บริเวณอาคารจอดรถนั้นเป็นพื้นที่ของเหล่า ซูเปอร์คาร์ ที่หายาก อาทิ แลมโบกินี คุนทาช (Lamborghini Countach) รุ่นล่าสุดของ อภิมหาเศรษฐีหนุ่ม “คิม พรประภา” และรถของเขาอีกหลายคัน นอกจากนั้นยังมีสุดยอดความเร็วจากค่ายแมคลาเรน อย่าง แมคลาเรน สปีดเทล (McLaren Speedtail) ที่ทำความเร็วปลายได้ถึง 400 กิโลเมตร/ชั่วโมง รวมถึงเหล่าเฟอร์รารี่คลาสสิคอีกจำนวนมาก และสุดยอดสปอร์ตโปรโตไทพ์จากญี่ปุ่น อย่างค่าย ทอมมี่ไครา (Tommykaira)มาจัดแสดงอีกด้วย
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/03/218013337_3982640125179596_4151632556812798851_n-1.jpg)
ส่วนรถที่เตะตาเอามากๆนั้น ก็คือรถ สีฟ้าสลับเหลือง ที่จอดอยู่หน้าฮอลล์ แน่นอนว่าสำหรับคนรักรถแล้ว มองเห็นสีนี้ย่อมต้องนึกถึงรถของตำนานแห่งความเร็วของประเทศไทย อย่าง “พ.พีระ” , “พีระ เจ้าดาราทอง” หรือ “Prince Bira” พระองค์เจ้าพีระพงศ์ภาณุเดช พระโอรสใน “สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช” พระราชโอรสในพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 และเป็นพระอนุชาของในหลวง รัชกาลที่ 5 นั่นเอง
ชื่อเสียงเรื่องความเร็วของ พ.พีระ นั้นฝรั่งเองต่างยกนิ้วให้ ท่านเป็น หนึ่งในเจ้าแห่งความเร็วของโลก ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง จากการได้แชมป์โลกความเร็วทางเรียบ 3 สมัย นั่นเอง และชื่อของสนามแข่งรถ “พีระเซอร์กิต” แห่งเมืองพัทยา ก็ตั้งขึ้นตามพระนามของพระองค์
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/03/ERA_R12B_Hanuman_II-1.jpg)
ทีมแข่งของพระองค์ท่านนั้น มีชื่อว่าทีม “หนูขาว” (White Mouse) และรถแข่งนั้นมีสีประจำทีมเป็นสี “ฟ้าสลับเหลือง” อันเป็นสีตัวแทนของประเทศไทย (ในยุคนั้นรถแข่งของแต่ละชาติใช้สีแตกต่างกัน อาทิ ฝรั่งเศสใช้สีฟ้า อิตาลีใช้สีแดง อังกฤษใช้สีเขียว อเมริกาใช้สีขาวสลับน้ำเงิน ส่วนไทยนั้นใช้สี ฟ้าสลับเหลือง) โดยเหล่ารถแข่งที่ท่านเลือกใช้มีด้วยกันหลากหลายแบรนด์ อาทิ มาเซราติ หลากหลายรุ่น และรถแข่งน้ำหนักเบา แบรนด์ ERA หรือ “English Racing Automobiles” จากประเทศอังกฤษ 3 คันที่คนรักประวัติศาสตร์รถยนต์ไทยต่างจดจำชื่อได้ 2 คันแรกนั้นมีชื่อว่า โรมูสุส (Romulus) รีมุส (Remus) อันเป็นชื่อสองพี่น้องที่สร้างกรุงโรมขึ้น และ คันสุดท้ายคือ ERA รุ่น R12C ที่พระองค์ตั้งชื่อว่า “หนุมาน” ซึ่งหนุมานนี้ได้เกิดอุบัติเหตุเสียหายในปี 1939 แต่พระองค์ได้ทรงซ่อมแซมกลับขึ้นมาใหม่ และพระราชทานนามให้กับรถที่ซ่อมเสร็จว่า “หนุมาน 2” เพราะหนุมาน ลูกพระพาย ฆ่าไม่ตาย เพียงแค่มีลมพัดผ่านก็สามารถฟื้นคืนชีพได้!
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/03/พ.ท.ม.ร.ว.พีรานุพงศ์-1.jpg)
รถแนวคิดสี “ฟ้าสลับเหลือง” ที่ตั้งอยู่หน้าฮอลล์คันนี้ มีชื่อว่า “หนุมาน 3” (Hanuman 3) เป็นผลงานพัฒนาของบริษัท SRA (Siam Racing Automobiles) ที่บุตรชาย ของ พ.พีระ คือ พ.ท.ม.ร.ว พีรานุพงศ์ ภาณุพันธ์ ต้องการสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงครบรอบชาตกาล 110 ปีของ ท่าน พ.พีระ โดยหนุมาน 3 นี้คือ สายลมที่ขอฟื้นตำนานของรถคนไทยขึ้นมาอีกครั้ง
รถ SRA หนุมาน 3 นี้สร้างขึ้นบนแพลทฟอร์มรถไฟฟ้า ที่ได้วิศวกรที่มีประสบการณ์ทั้งจาก เฟอร์รารี่ เทสล่า โตโยต้า และจากัวร์ แลนด์โรเวอร์ มาร่วมพัฒนา โดยสมรรถนะเบื้องต้นที่เปิดเผยก็คือ ใช้มอเตอร์ 577 แรงม้ามีแรงบิด 525 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ความจุ 60 กิโลวัตต์ชั่วโมง แต่มีน้ำหนักเบาเพียง 800 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเบาเหลือเชื่อ โดยหากสงสัยว่ารูปลักษณ์สัดส่วนของรถ หนุมาน 3 นั้นเป็นเช่นไร ก็ต้องบอกว่าคล้ายคลึงกับสัดส่วนของสปอร์ตล้อเปิดแบบ 2 ที่นั่งของอังกฤษอย่าง “เคเตอแรม 7” (Caterham 7) มากดังนั้นในเรื่องรูปลักษณ์ ถือว่าสอบผ่าน
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/03/Hanuman-3-Front-1.jpg)
ในขั้นแรกนี้ถือว่าเป็นการระดมทุน โดยทาง SRA ตั้งเป้าไว้ว่าจะผลิตขึ้นมา 110 คัน โดยมีราคาเริ่มต้นคันละ 6 ล้านบาท โดยรถคันแรกจะสามารถผลิตเสร็จและทดลองขับได้ใน 2 ปีข้างหน้า และจะสามารถรับรถได้ในอีก 1-2 ปีถัดไป งานนี้อ้วนซ่ามองว่าถ้าจะทำรถพลังไฟฟ้าให้แข่งได้ ไม่หมู ระบบระบายความร้อนต้องสุดยอดจริงๆ ไม่งั้นวิ่งไปรอบเดียวน้อคแน่ๆ ต้องรอพระพายมาระบายความร้อนก่อนพะย่ะค่ะ!.