เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางต่าย(นามสมมุติ) อายุ 46 ปี ชาวบ้าน จ.สุรินทร์ และนางฟ้า(นามสมมุติ) อายุ 42 ปี ญาติของเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี เป็นหลานของบุคคลทั้งสองคน พร้อมกับอดีตผู้ใหญ่บ้าน ได้นำเด็กหญิงเอ มาร้องขอความเป็นธรรม หลังจากที่ไปช่วยงานถูกครูเรียกเข้าไปหลังห้องบังคับถอดกางเกงและลงมือข่มขืน
หลังจากที่ถูกข่มขืนทางโรงเรียน และทางคณะกรรมการสถานศึกษา ตลอดจนผู้ใหญ่บ้านต่างปิดปากกันเงียบกริบพร้อมกับนำเงินให้กับเด็กจำนวน 5 พันบาท เพื่อปิดปากไม่ให้ไปบอกใครจนกระทั่งป้าทราบข่าวถึงกับไม่พอใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับนำครูคนดังกล่าวส่งดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ถ้าหากไม่มีอะไรคืบหน้าจะพาหลานสาวไปร้องกับผอ.เขตให้ดำเนินการ
นางต่าย ซึ่งเป็นป้าของเด็กหญิงเอ เล่าว่าตนเองเป็นป้าของเด็กหญิงเอ หลังจากที่แม่ของเด็กได้เสียชีวิตลง พ่อก็หนีไปมีภรรยาใหม่ปล่อยให้ตนได้ดูแล และได้ส่งเรียนกศน. จริงๆแล้วตนเองไม่ทราบมาก่อน เรื่องของเด็กเพราะไม่ค่อยได้คุยกันเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 หลานของตนเองได้ไปช่วยงานผ้าป่าโรงเรียนในหมู่บ้านในระหว่างที่นำเครื่องเสียงมาช่วยงานได้ มีครูคนหนึ่งเรียกให้หลานเข้าไปหลังห้องเรียน และได้ไปข่มขู่ให้ถอดกางเกงออกจนกระทั่งได้ลงมือข่มขืน ซึ่งเรื่องทั้งหมดหลานเป็นคนพูดให้ฟัง
นางต่าย กล่าวว่า จนกระทั่งได้มีผู้นำหมู่บ้านและกรรมการสถานศึกษา ได้เข้ามาพูดคุยกันต่อรองขอร้องไม่ให้เรื่องดังกล่าวบานปลาย และไม่ให้ถึงตัวเองจึงได้นำเงินให้จำนวน 5 พันบาท ซึ่งตนเองก็ได้ยินก็ไม่พอใจทำไมเป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่ถึงนำเงินมาจ่ายให้เพียง 5 พัน ในขณะที่ตนเองไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อนเลย
หลังจากนั้นตนเองได้มาสอบถามเด็ก ก็ให้การว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริงซึ่งหลังเกิดเหตุหลาน ก็ไม่กล้ามาบอกกับป้ากลัวป้าจะด่าและตีจนกระทั่งเรื่องแดงมาแบบนี้ ตนเองจึงไม่ยอมโดยได้พาหลานมาแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจ พร้อมกับจะได้พาเด็กไปร้องกับผอ.เขตสำนักงานประถมศึกษาแห่งหนึ่ง ในวันที่ 9 เม.ย.67 ที่จะถึงนี้เพราะตนเองคิดว่าเรื่องดังกล่าวมันไม่ให้ความเป็นธรรมกับเด็กเลย อีกอย่างเราเป็นถึงผู้ปกครองของเด็กก็น่าจะเรียกไปพูดคุย แต่กลับให้มันบานปลายอย่างนี้ค่าของคนมีเพียง 5 พันบาทเท่านี้หรือ
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวก็ได้สอบถามเด็กต่อหน้าผู้ปกครอง และอดีตผู้ใหญ่บ้านว่าเหตุที่เกิดขึ้นนั้นมันมีที่มาที่ไปอย่างไร ทำไมเหตุเกิดในช่วงเดือนสิงหาคมพึ่งมาแจ้งความและร้องกับผู้สื่อข่าว โดยน้องได้บอกว่ากลัวป้าดุด่า และถูกตีตลอดจนอายผู้คนภายในหมู่บ้านซึ่งตนเองกำลังศึกษาอยู่ และกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.
