เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ร.ต.อ.พิเชฐพงศ์ ราชบัวโคตร รอง สว.(สอบสวน) สภ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจ ตรวจสอบสภาพบ้านเลขที่ 81 บ้านมอเหนือ หมู่ 5 ต.โนนม่วง อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้หมดแทบทั้งหลัง

ร.ต.อ.พิเชฐพงศ์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น. ที่ผ่านมา รับแจ้งเหตุเกิดเพลิงไหม้บ้านหลังดังกล่าว จึงประสานเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนตำบลโนนม่วง อ.ศรีบุญเรือง นำรถดับเพลิง จำนวน 2 คัน มาช่วยกันดับเพลิงและฉีดน้ำเพื่อไม่ให้เพลิงลุกลามบ้านข้างเคียง โดยใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า สาเหตุเกิดจากหลานชายวางเพลิงเผาบ้านยายตัวเองแล้วหลบหนีไป ต่อมาตำรวจตามจับกุมเกรียงไกร (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี หลานชายแท้ๆของเจ้าของบ้านที่ถูกเพลิงไหม้ ในขณะทรัพย์สินที่มีค่าถูกไฟไหม้เกือบหมด แต่น่าอัศจรรย์ที่พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 ไฟกลับไม่ไหม้ และเครื่องสักการะของเจ้าไข่นุ้ยก็ไม่ได้ถูกไฟไหม้ให้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด รวมมูลค่าความเสียหายร่วม 1 ล้านบาท ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ที่คนอยู่อาศัย ดำเนินคดีตามกฏหมาย

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายเกรียงไกร นอนอยู่ห้องนอนชั้น 2 ของบ้าน โดยมี นางบัวขาว (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี ผู้เป็นยายและน้าสาวของนายเกรียงไกรนอนอยู่ชั้นล่าง ขณะที่ทุกคนกำลังนอนหลับ น้าสาวอีกคนที่อยู่บ้านอีกหลังหนึ่งได้ยินเสียงคล้ายกระจกแตกจึงออกมาส่องดูพบเห็นเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านคุณยายบนชั้น 2 จึงตะโกนและเรียกให้ชาวบ้านมาช่วยกันดับโดย ยายและน้าสาวได้หนีออกมาทัน ส่วนคุณยายที่เห็นบ้านถูกไฟไหม้เป็นลมล้มฟุบจนชาวบ้านนำส่งโรงพยาบาลศรีบุญเรือง จนถึงขณะนี้ยังไม่รู้สึกตัว หลังเกิดเหตุไฟไหม้บ้านกระทั่งถูกตำรวจตามจับกุมได้ แต่ยังให้การวกวนโดยบอกว่า ตนเองไม่ได้เผาบ้าน เวลานั้นตนเผากระดูกของพวกภูตผีปิศาจ

ขณะที่ น้าสาวของนายเกรียงไกร กล่าวว่า เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะนั้นสังเกตเห็นนายเกรียงไกร ดูมีอาการคลุ้มคลั่ง โวยวายถืออาวุธมีดข่มขู่น้าของตนเอง รวมทั้งมีอาการโมโหดุร้าย อยู่นานราว 2-3 ชั่วโมง จากนั้นก็เริ่มอาละวาด ทุบตีข้าวของรอบๆบ้าน และบอกว่าจะนำรถ จยย.ของตัวเองไปขาย แต่เอกสารคู่มือรถ จยย.อยู่กับน้าอีกคน เพราะไม่อยากให้ขายทรัพย์สินชิ้นสุดท้ายของนายเกรียงไกรเอง เมื่อไม่ได้คู่มือรถ จยย. นายเกรียงไกร ก็ไม่พอใจ เผารถ จยย.ตัวเองแล้วหลบหนีไป ก่อนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ได้ช่วยกันดับไว้ทัน โชคดีไหม้แค่เบาะรถ จยย. แต่แล้วในช่วงดึก ก็กลับมาก่อเหตุเผาบ้านที่เป็นที่ตัวเองซุกหัวนอนวอดไป

น้าสาวของนายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า ก่อนหน้าที่ นายเกรียงไกร จะก่อเหตุ จะมีนิสัยชอบลักเอาทรัพย์สินภายในบ้านของตนเองและญาติไปขาย สงสัยจะนำไปซื้อยาเสพติดเสพ และยังชอบดื่มเหล้า บางครั้งก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ จึงไม่มีใครยุ่งหรือห้ามปราม ตอนนั้นยายกับน้าและหลานๆหวาดวิตกกังวลใจว่า สักวันอาจก่อเหตุตามที่เป็นข่าวโดยทั่วๆไป ขณะนั้นทุกคนก็ไม่ห่วงอะไร นอกจากจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของนายเกรียงไกรมากนัก และอยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงโทษตามกฎหมายเพื่อจะได้ไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและมาก่อเหตุดังกล่าวอีก.