เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 เม.ย. ที่ มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี น.ส.อ้อมใจ อายุ 55 ปี พร้อมญาติ ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่า ลูกสาวอายุ 31 ปี ไปอยู่กินกับสามีชาวบาห์เรน ที่ประเทศบาห์เรน ขาดการติดต่อไปนาน 1 ปี ก่อนสถานทูตแจ้งว่า มีศพสาวนิรนาม เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 66 ถูกเก็บไว้อยู่ที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลซัลมาเนีย ประเทศบาห์เรน มานาน 1 ปีแล้ว เชื่อว่าการเสียชีวิตของลูกสาวอาจมีเงื่อนงำ หรืออาจจะถูกสามีทำร้ายจนเสียชีวิต ขอช่วยนำศพลูกสาวกลับไทย ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

นางเอม กล่าวว่า น.ส.บี ลูกสาวอายุ 31 ปี เดินทางไปทำงานนวดที่ประเทศบาห์เรน ตั้งแต่ปี 64 เพราะครอบครัวฐานะยากจน ลูกสาวเป็นเสาหลักครอบครัว หาเงินส่งมาให้แม่และส่งเสียลูกน้อยอีก 2 คน ที่ผ่านมา ลูกสาวจะติดต่อกับแม่และพี่น้องเป็นประจำผ่านทางแชตเฟซบุ๊ก กระทั่งปี 66 ลูกสาวบอกว่าได้อยู่กินกับสามีชาวบาห์เรน และสามีชอบหาเรื่องทะเลาะ ทำร้ายร่างกายเป็นประจำ พร้อมกับส่งภาพบาดแผลฟกช้ำตามตัวและคลิปวิดีโอร้องไห้มาให้แม่ดู แม่สงสารลูกจับใจแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร

ต่อมาวันที่ 14 เม.ย. 66 แม่ก็ยังเห็นลูกสาวโพสต์เฟซบุ๊ก ทำนองตลกขำๆ ว่า “อุ้ย ตื่นมาหน้าแก่จัง” ซึ่งแม่ก็ไม่คิดว่าโพสต์นั้นจะเป็นโพสต์สุดท้าย แต่หลังจากนั้นแม่ก็ไม่สามารถติดต่อลูกได้อีก ส่งแชตข้อความไปก็ไม่มีการเปิดอ่าน และไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากลูกสาวอีกเลย กระทั่งเดือน ม.ค. 67 ตนได้ให้พี่สาวของ น.ส.บี ติดต่อไปยังสถานทูตไทย ขอให้ช่วยประกาศตามหาตัว น.ส.บี ในชุมชนคนไทยในบาห์เรน แต่ก็ไม่ได้รับการแจ้งข้อมูลใดๆ จากนั้นน้องสาวของ น.ส.บี จึงได้โพสต์เฟซบุ๊กตามหาพี่สาวในเพจเฟซบุ๊ก กลุ่มคนไทยในประเทศบาห์เรน ช่วยติดตามหาแต่ก็ยังไม่มีวี่แวว

กระทั่งวันที่ 18 เม.ย. 67 ครอบครัวได้รับการติดต่อจากสถานทูตว่า พบศพหญิงสาว ซึ่งยังไม่สามารถระบุสัญชาติได้ เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 66 ศพถูกเก็บไว้อยู่ที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลซัลมาเนีย ประเทศบาห์เรน มานาน 1 ปีแล้ว พร้อมกับส่งภาพศพมาให้ญาติดู ซึ่งญาติจำรอยสักที่ขาของ น.ส.บี ได้แม่นยำ โดยแพทย์ที่โรงพยาบาลประเทศบาห์เรน ระบุสาเหตุการตายว่า “ปอดและหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นพิษ” ซึ่งแม่ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะเห็นในรูปถ่ายของศพมีรอยช้ำตามตัว และก่อนที่ลูกสาวจะหายไป เคยส่งรูปบาดแผลฟกช้ำตามตัวมาให้แม่และน้องดู พร้อมบอกว่า ถูกสามีชาวบาห์เรนทำร้ายบ่อยครั้ง จึงคาดว่าการเสียชีวิตของลูกสาวอาจมีเงื่อนงำ เพราะเคยถูกสามีชาวบาห์เรนทำร้ายร่างกายเป็นประจำก่อนจะขาดการติดต่อไป แต่ด้วยครอบครัวฐานะยากจนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือประสานนำศพลูกสาวกลับไทย เพื่อมาชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

หลังรับเรื่อง นางปวีณา ได้ประสาน นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล นายอำนาจ พละพลีวัลย์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างแดน กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ประสานสถานทูตไทยในบาห์เรน ดำเนินการส่งศพ น.ส.บี กลับประเทศไทย และช่วยประชาสัมพันธ์กลุ่มคนไทยในบาห์เรน ช่วยเหลือบริจาคเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งศพ น.ส.บี กลับมาไทย โดยนางปวีณา จะประสานสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ในการส่งศพ น.ส.บี ไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง เพื่อให้ผู้ตายกับครอบครัวได้รับความเป็นธรรมต่อไป.