วันที่ 21 เม.ย. ที่สภ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี นายสุกฤษฎิ์ สะวันงาน อายุ 33 ปี ตัวแทนกลุ่มบ้านนทบุรี พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สุพัฒน์ สระประโคน รองสารวัตรสอบสวน สภ.ไทรน้อย หลังได้รับหมายเรียกคดีหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่ อบต.ไทรน้อย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ม.ค.67 ที่ผ่านมา ขณะที่มีการประชาคมกันที่อาคารอเนกประสงค์โรงเรียนชุมชนวัดไทรน้อย

ทั้งนี้ นายสุกฤษฎิ์ สะวันงาน ตัวแทนกลุ่มบ้านนทบุรี ได้เปิดเผยชื่อเจ้าหน้าที่ อบต.จำนวน 3 คน ที่จังหวัดนนทบุรีสั่งให้ตรวจสอบ หลังชาวบ้านได้ร้องเรียนไปที่จังหวัดนนทบุรี และมีหนังสือลับ จากจังหวัดนนทบุรี โดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนนทบุรี ถึงนายอำเภอไทรน้อย ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่กรณีร้องเรียนเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตเงินกองทุนชมรมผู้สูงอายุขององค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ไทรน้อย โดยหนังสือของจังหวัดนนทบุรีดังกล่าวได้ระบุชื่อเจ้าหน้าที่ อบต.จำนวน 3 คน ลงชื่อโดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 ม.ค.67 นายสุกฤษฎิ์ สะวันงาน ตัวแทนกลุ่มบ้านนทบุรี ได้รับหนังสือร้องเรียนเรื่องการทุจริตเงินกองทุนชมรมผู้สูงองค์การบริหารส่วนตำบลไทรน้อย ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีสมาชิกทั้งหมดจำนวน 1,500 คน ค่าสมัครครั้งแรกจำนวน 620 บาท แยกเป็นค่าชมรม 120 บาท และค่ากองทุน 500 บาท ซึ่งในหนังสือร้องเรียนฉบับนี้ยังระบุอีกว่ามีเจ้าหน้าที่กองสวัสดิการสังคม ของ อบต.ไทรน้อย จำนวน 3 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่หายอีกด้วย โดยวันนี้กลุ่มผู้สูงอายุกว่า 100 คน ได้ไปให้กำลังใจนายสุกฤษฎิ์ พร้อมชูป้ายเรียกร้องให้ชี้แจ้งเรื่องเงินที่หายไป และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบอย่างจริงจัง

นายสุกฤษฎิ์ กล่าวว่า วันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมาตนเองได้นำหนังสือจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนนทบุรี ที่ลงชื่อโดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดท่านหนึ่ง โดยมีชาวบ้านไม่ทราบว่าใครได้นำมาวางไว้ที่หน้าบ้าน ให้ทวงถามและตรวจสอบข้อเท็จจริงของเงินกองทุนผู้สูงอายุ ซึ่งตนได้ไปทวงถามในที่ประชุมประชาคม และสอบถามว่าเป็นหนังสือจริงไหม เป็นเอกสารเท็จหรือเปล่า ซึ่งทางปลัดอบต.ไทรน้อย ได้ยอมรับว่าหนังสือนี้เป็นหนังสือจริง เมื่อเป็นหนังสือจริง ตนจึงถามกลับไปว่า ปลัดได้ดำเนินการกับบุคคลทั้ง 3 ตามหนังสือหรือไม่ โดยปลัดบอกว่าดำเนินการกับบุคคลทั้ง 3 คนแล้ว และดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คน ซึ่งชาวบ้านได้ยินกันหมด

แล้ววันนี้ตนเองถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จาก 1 ใน 3 คนที่มีชื่ออยู่ในหนังสือร้องเรียนนี้ ซึ่งวันนี้ตนเองได้มารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน ชาวบ้านจึงมาให้กำลังใจ ไม่ได้มีเจตนามากดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนมาในฐานะผู้ถูกกล่าวหาคนหนึ่ง แต่ที่ชาวบ้านมาเพื่อทวงถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ หรือหน่วยงานป.ป.ช.อยากให้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชาวบ้านหน่อย เพราะทุกคนไม่ไหวแล้ว คำตอบที่ได้รับจากผู้บริหาร คือไม่รู้ ชาวบ้านก็ไม่รู้จะไปถามกับใครแล้ว เพราะระดับผู้บริหารของหน่วยงานยังบอกไม่รู้

หนังสือฉบับนี้ออกมาเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 66 แล้ววันที่ 13 กรกฎาคม 66 มีการโอนเงินกลับเข้ามาจำนวน 300,000 กว่าบาทซึ่งเป็น statement ที่ชัดเจน ถ้าไม่เชื่อให้หน่วยงานที่มีอำนาจไปตรวจสอบเงินของกองทุนผู้สูงอายุนี้ได้ เพื่อให้เกิดความกระจ่าง ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องสงสัย แล้วปัญหานี้ก็จะไม่เกิดขึ้นอีก

นายสุกฤษฎิ์ กล่าวอีกว่า แล้วคนที่ไปทวงถามขอร้องอย่าไปฟ้องใครอีกเลย ชาวบ้านเขากลัวกันหมดแล้ว ไม่มีใครกล้าถามอะไรแล้ว แล้วมากล่าวหาว่าผมไปหมิ่นประมาทท่าน ผมว่ามันก็เป็นการรังแกเพราะตนเองก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง ไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่อะไร เพียงแค่ชาวบ้านให้การนับถือ ให้การเชื่อมั่น ว่าตนมีใจที่จะพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอน เป็นปากเป็นเสียงให้ชาวบ้าน เมื่อเอาหนังสือมาวางที่หน้าบ้าน ตนก็ถามให้ แต่พอไปถามกลับกลายเป็นว่าตนเองเป็นคนผิดมีหมายเรียกไปที่บ้าน วันนี้จึงมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ