เมื่อวันที่ 26 เม.ย. จากการติดตามปัญหาก่อสร้าง 8 โครงการ งบประมาณกว่า 500 ล้านบาท ของกรมโยธาธิการและผังเมือง ตามงบประมาณพัฒนาเมือง โดยจัดลงพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งทีมข่าวยังคงเกาะติดสภาพปัญหา และความคืบหน้าการแก้ไขของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ล่าสุดไปพบเจอร่องรอยการก่อสร้างอีก 3 โครงการตามแนวฝั่งแม่น้ำชี ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย 1 แห่ง และ ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย 2 แห่ง ซึ่งทั้ง 3 แห่งพบเพียงกองดิน กองเสาเข็มหลายร้อยต้นวางเกลื่อนทิ้งไว้ ไม่ได้ถูกนำไปตอกริมตลิ่ง มองดูเหมือนกำลังจะกลายเป็นสุสานเสาเข็มในอนาคต

โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี (ระยะ 2) วัดลำชีวนาราม ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นอีกจุดก่อสร้างของกรมโยธาฯ จุดใหญ่อีกจุดหนึ่ง ความยาว 385 เมตร งบประมาณ 59,270,000 บาท ผู้รับจ้าง หจก. แห่งหนึ่ง เริ่มต้นสัญญา 10 ก.ย. 63 สิ้นสุดสัญญา 10 ส.ค. 65 ขยายระยะเวลา 73 วัน ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 65 แก้ไขสัญญา ค่าปรับเป็น 0 ถึงวันที่ 10 ส.ค. 67 ผลงาน 45.77% ช้ากว่าแผน -54.23% เบิกจ่าย 21,930,500 บาท ทั้งนี้ พบว่าผู้รับเหมาหยุดทำงานแล้ว มีเพียงร่องรอยการทำงาน กองดิน เสาเข็มวางระเกะระกะ และมีรถแบ๊กโฮจอดทิ้งไว้เพียงคันเดียวเท่านั้น ไม่มีคนงาน ไม่มีเครื่องจักรอื่นๆ ไปวาง เหมือนไม่มีน้ำมันจะทำงานต่อหรือจะรออะไรสักอย่าง

หลวงพ่อมณี ศิริปุณฺโณ พระลูกวัด วัดลำชีวนาราม ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า บริเวณหลังวัดติดกับจุดก่อสร้างโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี ตั้งแต่ผู้รับเหมาเข้ามาทำงาน ก็เห็นทำๆ หยุดๆ แล้วก็หายไปหลายเดือน ก็กลับมาทำอีก ล่าสุดตั้งแต่หลังปีใหม่เป็นต้นมาหายไป เห็นแต่คนเข้ามาตรวจว่าเสาเข็มและรถแบ๊กโฮยังอยู่หรือไม่เท่านั้น ส่วนคนงานก่อสร้างและเครื่องจักรกลอื่นๆ ไม่เห็นเข้ามาทำงานเลย เสาเข็มที่ขนมามากมาย แทนที่จะนำไปปักไว้ที่ที่ควรอยู่ คือริมตลิ่งหน้างานก็ไม่ทำ กลับวางทิ้งไว้เฉยๆ อย่างที่เห็น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่า “เค้ากำลังฟ้องร้องกันอยู่” ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครฟ้องใคร

หลวงพ่อมณี กล่าวอีกว่า พระเณร ชาวบ้านก็ได้แต่สงสัย วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา สรุปก็คือผู้รับเหมาทิ้งงาน บริเวณวัดลำชีวนารามที่เคยกว้างขวาง มีพื้นที่ว่างเปล่า เหมาะแก่การพักผ่อนและปฏิบัติธรรม ก็กลายเป็นที่วางกองเสาเข็มเต็มไปหมด อย่างไรก็ตาม หากทำโครงการนี้แล้วเสร็จ ก็ไม่สามารถป้องกันน้ำท่วมได้แน่ หลายคนจึงมองว่าโครงการนี้ไม่มีประโยชน์ ทั้งนี้ อาตมาก็อยากจะขอบิณฑบาตกับผู้รับเหมา รีบกลับมาทำงานต่อให้แล้วเสร็จเสียที เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้ อีกไม่นานก็จะถึงฤดูฝนน้ำหลาก ปริมาณงานที่ทำไว้ก็จะถูกน้ำกัดเซาะพังเสียหายไปหมด ซึ่งเท่ากับตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ หรือละลายเม็ดเงินก่อสร้างที่เบิกจ่ายไปกว่า 21 ล้านละลายไปกับแม่น้ำชีหมด

อย่างไรก็ตาม จากภาพที่เห็นภายในบริเวณวัดลำชีวนารามที่เคยกว้างขวางมีพื้นที่ให้ประชาชนได้เข้ามาใช้สถานที่ในการปฏิบัติศาสนกิจปฏิบัติธรรม ได้กลายสภาพเป็นที่วางกองหินและเสาเข็มขนาดใหญ่ที่จะต้องตอกเพื่อทำโครงการนี้ ทั่วทั้งวัดกลายเป็นจุดอันตรายต่อชาวบ้านที่พบเห็น ชาวบ้านหลายคนที่เข้ามาทำบุญในวัดและเมื่อเข้ามาเห็นภาพกองหิน เสาเข็มหลายร้อยต้น อดไม่ได้ที่จะแซวว่าวัดนี้คงจะได้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็นวัดเสาเข็มหรือวัดเสาเข็มอาณาราม เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ผู้รับเหมาทิ้งงาน.