สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ว่าผู้จัดงานมิสยูนิเวิร์สกล่าวในแถลงการณ์ว่า ซาอุดีอาระเบียอาจส่งผู้เข้าแข่งขันมิสยูนิเวิร์สคนแรกในปีนี้ และจะมีการตัดสินใจเกี่ยวกับการประกวดระดับชาติ ในซาอุดีอาระเบีย หลังนางแบบแฟชั่นและอินฟลูเอนเซอร์รายหนึ่ง อ้างว่าได้รับเลือกให้เข้าร่วมการแข่งขัน

นางมารีอา โฮเซ อุนดา ผู้ประสานงานด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ องค์กรมิสยูนิเวิร์ส ระบุว่า “เราจะมีการตัดสินใจเกี่ยวกับตำแหน่งผู้อำนวยการระดับชาติในซาอุดีอาระเบียเร็ว ๆ นี้” และระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ซาอุดีอาระเบียจะมีตัวแทนเข้าร่วมมิสยูนิเวิร์ส ในการประกวดครั้งถัดไป ในเดือน ก.ย. นี้ ที่เม็กซิโก

แถลงการณ์ครั้งนี้เกิดครั้งหลังจากเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา น.ส.รูมี อัล-กาห์ตานี นางแบบชาวซาอุดีอาระเบีย วัย 27 ปี สร้างความฮือฮาบนโลกออนไลน์ด้วยการเผยแพร่รูปขณะสวมชุดเดรสปักเลื่อม และถือธงชาติซาอุดีอาระเบียลงบนอินสตาแกรม และระบุว่าเธอได้รับเกียรติให้เป็นตัวแทนร่วมประกวดมิสยูนิเวิร์สที่กำลังจะมีขึ้นในปีนี้

ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ต่อมา มิสยูนิเวิร์สได้ออกแถลงการณ์อ้างว่าโพสต์ของกาห์ตานี “เป็นเรื่องเท็จและเป็นความเข้าใจผิด” โดยระบุเพิ่มเติมว่า ไม่มีการคัดเลือกมิสยูนิเวิร์สในซาอุดีอาระเบีย

อย่างไรก็ดี หากสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง การส่งผู้เข้าประกวดนางงามจักรวาล อาจเป็นอีกก้าวของความพยายามลดภาพลักษณ์ “อนุรักษนิยม” ที่เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงพยายามใช้เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุน

ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นประเทศซึ่งมีการกดขี่สตรีด้วยกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ในอดีต อาทิ การห้ามผู้หญิงขับรถ และการบังคับให้สวมชุดอาบายะห์

อย่างไรก็ตาม แม้กฎเหล่านี้ถูกยกเลิกแล้ว แต่นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนยังมองว่า กฎหมายใหม่ที่เพิ่งบังคับใช้เมื่อปี 2565 ยังเลือกปฏิบัติต่อสตรี ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงาน, การหย่าร้าง และการเลี้ยงดูบุตร

นอกจากนั้น มีการจับกุมสตรีและนักเคลื่อนไหวที่มีชื่อเสียง ที่ออกมารณรงค์ต่อต้านกฎหมายดังกล่าว ในจำนวนนี้มีสตรี 2 คน ได้รับโทษจำคุกนานหลายสิบปี จากการโพสต์วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลบนโซเชียลมีเดีย

กาห์ตานีกล่าวกับแม่และพี่น้องทั้ง 3 คนของเธอ และยืนยันว่าเธออยู่ในการ “เจรจา” เกี่ยวกับการเข้าร่วมมิสยูนิเวิร์ส อย่างไรก็ดี เธอปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติม

“ฉันได้รับการติดต่อจากคณะกรรมการให้เป็นตัวแทนของประเทศ การเจรจาเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเดือนรอมฎอน และฉันยังไม่สามารถให้คำตอบได้” เธอเปิดเผยกับเอเอฟพีเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่วันที่เธอเปิดเผยเรื่องนี้ ผ่านอินสตาแกรม เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

“เรายังอยู่ในการเจรจา และฉันหวังว่ามันจะจบลงอย่างสวยงาม” เธอกล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กองประกวดระบุว่า กระบวนการคัดเลือกตัวแทนประเทศไปแข่งขันที่เม็กซิโก จะต้องผ่านการจัดการประกวดระดับชาติก่อน “เราไม่สนใจว่าทำไมเธอ (กาห์ตานี) ถึงประกาศการลงสมัครของเธอ แต่หากเธอต้องการเข้าร่วมการประกวดในซาอุดีอาระเบีย เธอก็ต้องผ่านกระบวนการคัดเลือก เช่นเดียวกับผู้สมัครคนอื่น ๆ” มารีอากล่าว

ขณะที่กาห์ตานีกล่าวกับเอเอฟพีว่า เธอเคยเข้าร่วมการประกวดหลายครั้งในตะวันออกกลางและยุโรป และเธอได้สวมสายสะพายที่ได้รับจากการแข่งขันหลายครั้ง เธอเล่าถึงการรับมือกับคำถามที่คาดไม่ถึงมากมาย เกี่ยวกับประเทศของเธอ รวมไปถึงคำถามจากผู้เข้าแข่งขันด้วยกันเอง เช่น เมื่อครั้งที่โดนผู้เข้าประกวดชาวยุโรปถามว่า มีถังน้ำมันดิบอยู่ในบ้านหรือไม่

ตลอดเวลาที่ผ่านมา กาห์ตานีพยายามต่อสู้กับเสียงวิจารณ์รุนแรงจากชาวซาอุดีอาระเบีย รวมไปถึงเสียงต่อต้านจากกลุ่มหัวอนุรักษนิยมที่คัดค้านการแต่งกาย และการโพสต์รูปสวมธงชาติลงบนอินสตาแกรมของเธอ เมื่อปีที่แล้ว

“มีความคิดเห็นเชิงลบเกี่ยวกับการแต่งตัวของฉัน และฉันถูกมองว่าแต่งกายไม่สุภาพเพราะสวมธงชาติถ่ายภาพ” อย่างไรก็ดี กาห์ตานีอธิบายเพิ่มเติมว่า ไม่ได้รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“แฟนกีฬาหลายคนถ่ายรูปกับธงชาติเหมือนกับที่ฉันทำ” เธอกล่าว “ในการประกวดนางงาม เด็กสาวหลายคนถือธงประจำชาติตัวเอง มันไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเลย”

มารดาของกาห์ตานีกล่าวกับเอเอฟพีว่า เธอหวังให้บุตรสาวอดทนต่อไป แม้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ “ฉันมักบอกให้เธอก้าวต่อไป เธอมาไกลมากสำหรับเด็กหญิงในซาอุดีอาระเบีย ที่เคยมีสังคมที่เข้มงวดและปิดกั้นในอดีต” นอกจากนี้ กาห์ตานีสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กสาวอีกหลายคน พวกเขาอยากทราบว่า เธอมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร และหลายคนอยากมีส่วนร่วมกับเธอ.

เครดิตภาพ : AFP