จากกรณีที่ ป.ป.ช.ภ.4 เข้าทำการจับกุม รอง ผอ.โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง ในเขต อ.เมืองขอนแก่น หลังเรียกรับเงินจากผู้ปกครองนักเรียนรายละ 20,000 บาท เพื่อแลกกับการย้ายเรียนระหว่างภาคเรียน ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. นายอิทธิพล ชลธราศิริ ส.ส.ขอนแก่น เขต 2 พรรคก้าวไกล ได้โพสต์เรื่องราวในเฟสบุ๊คส่วนตัว “…อิทธิพล ชลธราศิริ – Itthiphon Chontharasiri – แบงค์ชัย พรรคก้าวไกล” โดยระบุว่าปัญหาการเรียกรับรับเงินแป๊ะเจ๊ยะของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่เรียกรับเงินจากผู้ปกครอง 1 หมื่นบาท เพื่อรับย้ายนักเรียนระหว่างปีการศึกษา โดยนัดมอบเงินในห้องทำงานส่วนตัวในโรงเรียน เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา

“สำหรับเคสนี้นะครับ ผมขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมระเบียบการย้ายระหว่างปีการศึกษา (ระเบียบกระทรวงคือห้องเรียนหนึ่งไม่เกิน 40 คน) ย้ายระหว่างชั้น เช่น ป.2 มาเข้า ป.3 แบบนี้เป็นต้น ถ้ามีห้องว่าง ที่นั่งว่าง ที่ยังไม่ถึง 40 คนต่อห้อง โรงเรียนสามารถรับนักเรียนได้ และนักเรียนต้องได้เข้าเรียนหมด ถ้าตรงตามเงื่อนไขชัดเจนว่าเกณฑ์ต้องมีอะไรบ้าง ไม่สอบตกมา เกณฑ์เท่านี้ ๆ อะไรประมาณนี้ครับ ส่วนค่าธรรมเนียมอันนี้ให้สิทธิ์โรงเรียนประกาศ โรงเรียนต้องประกาศว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ อะไรบ้าง แต่ว่าเคสนี้ก็ไม่ได้เขียนประกาศไว้ หรือที่เราได้ยินกันบ่อยๆกรณีบริจาค ต้องมีการระบุเฉพาะเจาะจงครับว่าบริจาคเพื่ออะไร แล้วก็ต้องออกใบเสร็จด้วย

อันนี้พอเด็กประสงค์จะย้าย ก็มาลงชื่อสมัคร ทางโรงเรียนก็ตรวจเอกสาร แล้วให้วัดประเมินโดยการให้นักเรียนอ่านบทความภาษาไทย เขียนตามคำบอก อ่านเสร็จก็เรียกผู้ปกครองเข้าห้องรอง ผอ. คนที่อ่านได้ ก็เรียก 10,000 บาท คนอ่านไม่ได้เรียกรับ 20,000 บาท แล้วก็ถามอาชีพผู้ปกครอง บางรายก็เรียก 5,000 เลทราคาจึงอยู่ที่ 5,000-20,000 บาท แล้วก็มีทั้งแบบออกใบเสร็จ ไม่ออกใบเสร็จ รอบนี้มีนักเรียนประสงค์ย้ายระหว่างชั้นเรียนประมาณ 100 คน แต่ที่ปปช.เข้าจับคือผู้ปกครองเข้ามาจ่ายแล้วประมาณ 70 คน แล้ววิธีการคือบางคนเก็บ 10,000 ออกใบเสร็จ 5,000 ส่วนอีก 5,000 ก็เอาไปให้ใครล่ะ ที่ไม่ได้ออกใบเสร็จอะไร บางรายก็ไม่ออกใบเสร็จเลย ก็ชัดเจนอยู่แล้วครับมันคือการเรียกรับ ทำผิดซึ่งหน้า ผิดกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ 157 เคสนี้ทางผู้ปกครองพอได้รับแจ้งว่าต้องจ่าย 10,000 บาท เขาก็ว่ามันไม่ถูกต้องเขาก็ร้องเรียนมา ผมได้รับเรื่อง ผมก็ประสานไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบแล้วก็ผลก็เป็นตามที่ข่าวออกครับ ในฐานะ สส. และ เป็นคนหนึ่งที่เรียนที่จบมาทางด้านนี้ ก็อยากจะพัฒนาระบบการศึกษาประเทศเรา ให้มันดี ให้มันสุจริต โปร่งใส มีคุณภาพ นี่มันคือระบบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นะครับ ถ้าเริ่มต้นด้วยการทุจริตแบบนี้ ประเทศชาติบ้านเมืองเราจะพัฒนายังไงครับ.

ผมจะทำทุกทางตามกรอบอำนาจหน้าที่ที่ทำได้ครับ ไม่ว่าจะใช้กลไกในสภา การอภิปรายญัตติต่างๆที่เกี่ยวกับด้านการศึกษา หรือ การอภิปรายงบประมาณ หรือ กลไกในสภาอื่นๆ หรือแม้แต่วิธีการที่กำลังทำอยู่นี้คือ เป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องประชาชนรับเรื่องร้องเรียนติดตามตรวจสอบ ขยายผลส่งต่อเรื่องถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนมีการจับกุมในครั้งนี้เป็นต้นครับ นี่คือสิ่งที่ผมจะขับเคลื่อนผลักดันครับ

รวมทั้งหากพี่น้องประชาชน พบเห็นการทำงานของหน่วยงานราชการของรัฐ ประพฤติไม่ชอบ ส่อแนวทางทุจริต ขอให้ท่านอย่ากลัว ขอให้ท่านได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดไว้ อย่าปล่อยให้คนแบบนี้ลอยนวลพ้นผิด ส่งหลักฐานให้ ปปช. หรือส่งมาให้ผมก็ได้ ผมขอยืนยันว่าผมจะติดตามตรวจสอบให้ถึงที่สุดในฐานะผู้แทนราษฎรของท่านที่เลือกผมมาทำงาน เรามาร่วมกันสร้างพื้นที่ ที่ไม่มีความเหลื่อมล้ำ โรงเรียนเท่ากัน คนเท่ากัน ประชาชนเท่ากัน นักเรียนเท่ากัน”

ขณะที่นายเอก (เจ้าตัวไม่ขอเปิดเผยชื่อและนามสกุล) บิดาของ ของนักเรียนชั้น ป.3 กล่าวว่า ต้องการย้ายบุตรจากโรงเรียนเดิม ย้ายมาเข้าป.3 ในโรงเรียนดังกล่าว ซึ่งโรงเรียนไม่มีประกาศรับสมัคร เพราะมีเพียงการสมัครเข้าเรียนระดับชั้นอนุบาล,ป.1 หรือ ม.1 แต่ได้โทรศัพท์สอบถามไปที่โรงเรียนก่อนแล้ว โดยทางคุณครูฝ่ายอำนวยการบอกว่า สามารถเข้ามาสมัครได้ทุกวัน แต่ในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงสงกรานต์ จึงได้ไปที่โรงเรียนวันที่ 24 เม.ย. และเขียนใบสมัครไว้ หลังเที่ยง ครูแจ้งว่าเข้ารับทดสอบบางอย่าง