สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ว่า บริษัทแอสตราเซเนกา ผู้ผลิตยารายใหญ่ของโลกจากสหราชอาณาจักร ออกแถลงการณ์ในสัปดาห์นี้ ว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในชื่อ “โควิชิลด์” ที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย มีความเสี่ยงของการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน และเกล็ดเลือดต่ำ
ทั้งนี้ โควิชิลด์ ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) เมื่อเดือน ก.พ. 2565 และมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในมากกว่า 150 ประเทศ รวมถึงในสหราชอาณาจักรและอินเดีย
การยอมรับดังกล่าวของแอสตราเซเนกาเกิดขึ้น ขณะที่กำลังมีการฟ้องร้องดำเนินคดีแบบกลุ่มในสหราชอาณาจักร เรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินทั้งสิ้น 100 ล้านปอนด์ (ราว 4,640.81 ล้านบาท) ให้แก่ผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 51 ราย จากภาวะลิ่มเลือดอุดตัน และเกล็ดเลือดต่ำ ซึ่งอาจเกิดขึ้น หลังได้รับวัคซีนโควิชิลด์
#Covishield vaccine trouble: Worry in India and abroad after #AstraZeneca's shocking admission
— The Times Of India (@timesofindia) May 1, 2024
AstraZeneca's admission that the vaccine can lead to blood clots and low platelet count has sparked panic among those who have received the jab. Watch for details pic.twitter.com/khXOvGJlXQ
อย่างไรก็ตาม แอสตราเซเนกาเน้นย้ำความปลอดภัยของวัคซีนโควิชิลด์ และยืนยันว่า ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน และเกล็ดเลือดต่ำ หลังการได้รับวัคซีนที่ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนโควิชิลด์ หรือวัควีนชนิดอื่นใด เป็นอาการข้างเคียงซึ่งเกิดขึ้นได้ยากมาก และอาการดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ แม้ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน
กระนั้น แอสตราเซเนกาเคยปฏิเสธ เมื่อปี 2546 ว่าภาวะลิ่มเลือดอุดตัน และเกล็ดเลือดต่ำ สามารเกิดขึ้นได้ หลังการได้รับวัคซีนทั่วไป ด้านดับเบิลยูเอชโอให้ความเห็นว่า ผลข้างเคียงลักษณะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ยังคงเน้นย้ำว่า “พบได้ยากมาก” และกลไกการเกิดอาการยังไม่แน่ชัด.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES