เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่า มีชายฉกรรจ์ 3 คน บุกเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่งภายในซอยประชาสงเคราะห์ 2 หรือซอยสุทธิพร แขวงดินแดง เขตดินแดง เพื่ออุ้มชาวจีน 5 ราย ออกจากห้องพัก โดยสมอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะรีดไถเงินจำนวน 65,000 USDT หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,500,000 บาท ก่อนปล่อยตัวผู้เสียหาย เหตุเกิดช่วงค่ำวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา จากนั้นผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.สรายุทธ ดีพันธุ์ สว.(สอบสวน) สน.ดินแดง ไว้ก่อนหน้านี้

ต่อมา พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พร้อมด้วยชุดสืบสวน ประชุมติดตามความคืบหน้าแนวทางการสืบสวน และรวบรวมพยานหลักฐาน กระทั่งสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 3 ราย ในข้อหา “ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันกรรโชกทรัพย์, ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจนั้น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย”

กระทั่งล่าสุดสามารถจับกุมตัว นายอถรรวุฒิ สุมนรัตนกุล หรือ นายบอส หรือดาบบอส บุคคลที่อ้างว่าเป็นตำรวจ แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นอดีตตำรวจที่ถูกให้ออกจากราชการไปแล้ว ซึ่งนายบอส แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาควบคุมตัวผู้เสียหายกับพวก อ้างว่า ชาวจีนทั้ง 5 ราย กระทำผิดกฎหมาย จะต้องพาไปดำเนินคดีที่สถานีตำรวจ โดยระหว่างนั้น มีการพูดจาข่มขู่ และได้โชว์บัตรที่อ้างว่า เป็นบัตรตำรวจ แต่ยังไม่ทันที่ผู้เสียหายจะดู ว่าเป็นบัตรตำรวจจริงหรือไม่ อีกฝ่ายก็เก็บบัตรไป จากนั้นก็พยายามจะพาตัวไปที่สถานีตำรวจ

โดยควบคุมตัวกลุ่มผู้เสียหายกับพวกมาขึ้นรถยนต์ 2 คัน ที่จอดรออยู่บริเวณหน้าโรงแรม และได้ขับพาผู้เสียหายไปที่บริเวณใดไม่ทราบแน่ชัด ระหว่างทาง กลุ่มผู้ก่อเหตุได้มีการเกลี้ยกล่อมผู้เสียหายให้ยอมจ่ายเงิน เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี ซึ่งในระหว่างทาง ผู้เสียหายพยายามขอดูบัตรตำรวจอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายบังคับให้นั่งลงดีๆ แล้วชูมือเหนือหัว ก่อนจะพูดว่า “ไม่ต้องคุยแล้ว เดี๋ยวไปคุยกับบอส” พร้อมบอกด้วยว่า “ไม่เชื่อใช่ไหมว่าเป็นตำรวจ เดี๋ยวจะโชว์ให้ดู” หลังจากนั้น ผู้ก่อเหตุได้ขับรถพาผู้เสียหายมาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ก่อนจะพาลงจากรถ และพาไปเจอชายที่อ้างตัวว่าเป็นบอส อายุราว ๆ 50 ปี ขึ้นไป ได้แนะนำตัวว่าตนเองนั้นเป็นตำรวจ

จากนั้น คนที่เป็นบอส อ้างว่า “กลุ่มคนจีนนี้ มีเครื่องรูดบัตรอยู่ในห้อง ก็ถือว่าผิดกฎหมายแล้ว จ่ายมา 4 ล้านบาท” แต่ผู้เสียหายเห็นว่า แพงมากไม่มีเงินจ่าย อีกฝ่ายจึงเสนอจำนวนเงินเหลือ 3 ล้านบาท และเรื่องจะได้จบ ผู้เสียหายเกรงว่าจะถูกจับกุม จึงติดต่อหาเพื่อนชาวจีนที่อยู่ในประเทศกัมพูชา โอนเงินมาเข้าบัญชีกระเป๋าเงินดิจิทัล ตามที่กลุ่มผู้ก่อเหตุดังกล่าวต้องการ เป็นเงินจำนวน 65,000 USDT หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,500,000 บาท เมื่อจ่ายเงินกันเรียบร้อยแล้ว กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ปล่อยตัวผู้เสียหายให้ออกจากบริเวณดังกล่าว