เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระครูพิพัฒน์วชิรปัญญาวุฒิ เจ้าคณะอำเภอชะอำ เจ้าอาวาสวัดนายาง จ.เพชรบุรี พร้อมด้วย พระอธิการอำนาจ ฐานิสสโร เจ้าคณะตำบลเขาใหญ่ เจ้าอาวาสวัดชะอำ พระมหา ดร.วิชัย เตชธมฺโม พระวินยาธิการจังหวัดเพชรบุรี เจ้าอาวาสวัดถ้ำแจง เจ้าอาวาสวัดห้วยทรายใต้ พร้อมด้วย คณะสงฆ์เมืองชะอำ พ.อ.สนอง ธัญญานนท์ หัวหน้ากลุ่มงานกิจการมวลชน กอ.รมน.จังหวัดเพชรบุรี วนอุทยานเขานางพันธุรัต ป่าไม้ที่ 10 สาขาเพชรบุรี สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบุรี ร่วมลงพื้นที่ถ้ำพระนาขวาง ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ตรวจสอบกรณีมีชาวบ้านร้องเรียนว่ามีพระมาอาศัยอยู่ในถ้ำ ไม่ยอมกลับวัดต้นสังกัด ณ ถ้ำพระนาขวาง ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

โดยภายในถ้ำพบมีพระนอนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี ในสมัยอยุธยา ที่กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนไว้ พบ นายบุญยื่น อาสาสมัครท้องถิ่นในการดูแลรักษามรดกทางวัฒนธรรมกรมศิลปากร พร้อมด้วย ชาวบ้านชาย 1 ราย และพระบุญผล เป็นพระลูกวัดยางชุม อาศัยอยู่ภายในถ้ำ เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบและสอบสวน เบื้องต้นพบว่าพระบุญผลมาอาศัยอยู่ภายในถ้ำ ทางเจ้าอาวาสวัดยางชุมได้มาตามให้กลับไปอาศัยที่วัดแล้ว 2 ครั้ง แต่พระบุญผลไม่ยอมกลับวัด ประกอบกับพระบุญผล บวชได้ไม่ถึง 1 พรรษา จึงไม่สามารถออกมาอาศัยอยู่นอกวัดได้ และเป็นพระลูกวัดต่างพื้นที่ ไม่ใช่ในพื้นที่คณะสงฆ์ของเมืองชะอำ

ทางคณะสงฆ์ได้ประชุมหารือจนมีมติมหาเถรสมาคม พบว่าพระบุญผลมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัย กฎระเบียบ การปกครองคณะสงฆ์ จึงพิจารณาให้พระบุญผลกลับไปจำวัดที่วัดยางชุมต้นสังกัด ไม่ให้มาอาศัยอยู่ในถ้ำ ซึ่งอาจทำความเสื่อมเสียแก่พุทธศาสนา เนื่องจากพระลูกวัดยางชุมบวชไม่ถึง 5 พรรษา จึงไม่สามารถมาอาศัยนอกสถานที่ที่ไม่ใช่วัดได้ตามระเบียนคณะสงฆ์ ในมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 255/2567 ห้ามพระภิกษุสามเณรเข้าไปพำนัก อาศัยหรือดำเนินการใดๆ ในสถานที่ซึ่งยังไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างวัด พ.ศ. 2530 อย่างเคร่งครัด และให้ดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุม

ก่อนเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดถ้ำพระนาขวางเป็นการชั่วคราว ก่อนจะมีมติคณะสงฆ์ จัดหาผู้ดูแลมาดูแลถ้ำ เพื่อดูแลถ้ำ ป้องกันไม่ให้มีการบุกรุก หรือก่อเหตุขโมยทรัพย์สินภายในถ้ำต่อไป.