จากกรณี นางแคทเทอร์รีน อายุ 59 ปี แหม่มสาวนักธุรกิจวิลล่าให้เช่าบนเกาะสมุย ใช้ปืนจ่อขมับปลิดชีพตัวเองริมสระน้ำในวิลล่าหรู โดยก่อนตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินประมาณ 50-100 ล้าน ให้ นางณัฐวลัย หรือ ป้าติ๋ม แม่บ้านคนสนิท จนกลายเป็นข่าวครึกโครม ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 5 พ.ค. นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย เปิดเผยว่า นางแคทเทอร์รีน จดทะเบียนบริษัท ถือครองวิลลาที่อยู่อาศัย และที่ดิน โดยมีชื่อคนไทย 2 คน เป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาต่อไปว่า ทรัพย์สินดังกล่าวจะให้ป้าติ๋มได้อย่างไร ก็ต้องได้รับความยินยอมจากหุ้นส่วนบริษัทก่อนหรือไม่ และการถือครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นการกระทำไปในลักษณะของนอมินี หรือถูกกฎหมายการถือครองหรือไม่

“…ในการลงทุนของชาวต่างชาติบนเกาะสมุย พบว่า นักลงทุนหลายคนไม่เข้าใจกฎหมายไทย โดยเฉพาะหลังจากสงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน มีนักลงทุนชาวรัสเซีย นำเงินมาลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก และใช้นอมินีชาวไทยแทน เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนท้องถิ่นในเกาะสมุย ที่ดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเสียภาษีถูกต้องเป็นอย่างมากเพราะกลุ่มนอมินีเหล่านี้ไม่มีการเสียภาษีให้รัฐ โดยเฉพาะภาษีนิติบุคคล เพราะส่วนใหญ่ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง ที่นำมาจดแจ้งในลักษณะให้เช่าที่พัก จะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก รายได้ไม่เข้าเกณฑ์ของการเสียภาษี ทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้ส่วนนี้ไป…” นายรัชชพร กล่าวและเผยด้วยว่า

จากปัญหานักลงทุนชาวต่างชาติไม่เข้าใจ ไม่มีความรู้ในกฎหมายไทย จึงเป็นโอกาสให้นักกฎหมาย หรือนักการบัญชีบางราย เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ และสร้างความเสียหายให้กับประเทศ จึงอยากเรียกร้องให้ภาครัฐเข้ามาตรวจสอบ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ ก็จะกลายเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวของเกาะสมุย ทำให้เราสูญเสียรายได้ มิหนำซ้ำยังได้สร้างความเสียหายให้กับการท่องเที่ยวอีกด้วย

“… ล่าสุดได้รับเรื่องร้องเรียนจากนักลงทุนชาวต่างชาติบางราย ว่าถูกสำนักงานทนายความ และการบัญชีบางแห่งหลอกลวง การเดินเรื่องเอกสารทำตามกฎหมายไทย โดยให้นักลงทุนจดทะเบียนบริษัทและถือหุ้นในสัดส่วน 49% ส่วนอีก 51% มีชื่อของคนไทยถือหุ้น และนักลงทุนรายดังกล่าวได้ลงทุนในธุรกิจไปมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท แต่สุดท้าย ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและดำเนินดำเนินการตามกฎหมาย จึงน่าเห็นใจนักลงทุนกลุ่มนี้มาก เพราะนักลงทุนก็อยากทำตามกฎหมายไทยให้ถูกต้อง แต่อาจเข้าไม่ถึงกระบวนการ หรือหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งสมาคมท่องเที่ยวเกาะสมุย พร้อมเป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างนักลงทุนกับหน่วยงานราชการ

โดยเฉพาะ สำนักงานสรรพากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือท้องถิ่น ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ประสงค์จะมาลงทุนบนเกาะสมุยมีความรู้ความเข้าใจในวิธีการดำเนินงานเพื่อไม่ให้ต้องตกเป็นเหยื่อของบุคคลบางกลุ่มและอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน และเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง…” นายรัชชพร กล่าว