เมื่อวันที่ 5 พ.ค. พ.ต.ท.ผดุงศักดิ์ ปาณะคำ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกำแพงเพชร รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านพักหรูหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 6 ต.ท่าขุนราม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร มีผู้เสียชีวิต จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมประสานสถานีดับเพลิง อบต.นาบ่อคำ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพื้นที่ใกล้เคียง นำรถน้ำ 5 คัน และอาสาสมัครกู้ภัยสมาคมหน่วยกู้ภัยข่าวภาพกำแพงเพชร เข้าช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด พบเพลิงไหม้ลุกลามรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงระดมฉีดน้ำประมาณ 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ โดยพบว่าเพลิงเผาบ้านเสียหายทั้งหลัง ตรวจสอบภายในห้องครัวชั้นล่าง ด้านหลังบ้าน พบศพ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 49 ปี เป็นเจ้าหน้าที่พนักงานการเงินและบัญชีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกำแพงเพชร ถูกไฟคลอกเสียชีวิต เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมข้อมูลที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะให้อาสาสมัครกู้ภัยสมาคมหน่วยกู้ภัยข่าวภาพกำแพงเพชรนำร่างผู้เสียชีวิต ส่งโรงพยาบาลกำแพงเพชร เพื่อพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการตรวจสอบโดยรอบ พบว่าบริเวณด้านหน้าของบ้านที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ตรงศาลพระภูมิทางเข้าหน้าบ้านมีแผ่นกระดาษหลายแผ่นวางซ้อนกันไว้ โดยใช้แจกันวางทับด้านบน ในแผ่นกระดาษ ตรวจสอบคาดว่าจะเป็นลายมือของผู้เสียชีวิต เขียนข้อความเชิงตัดพ้อปัญหาชีวิตครอบครับ เรื่องมือที่สาม จนสุดท้ายต้องย้ายออกจากบ้านที่ร่วมสร้างกันมา มีการเขียนข้อความเชิงสาปแช่งจองเวรว่า ได้เอาเลือดเขียนลงดินและสาปแช่งบุคคลที่สามที่ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน รวมทั้งข้อความสั่งเสีย
จากการสอบถามนายบี (นามสมมุติ) อายุ 48 ปี น้องชายของสามีของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนได้อาศัยอยู่ร่วมกับพี่ชาย คือ นายซี เป็นรองปลัดอบต. และหลานสาวรวม 3 คน ก่อนเกิดเหตุพี่ชาย ได้พาบุตรสาวไปเที่ยวต่างจังหวัด โดยให้ตนเฝ้าบ้านหลังดังกล่าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 16.30 น. ได้เข้ามาตรวจสอบและเปิดไฟในบ้านก็ไม่พบสิ่งที่ผิดปกติ จึงได้ล็อกประตูด้านนอกไว้แล้วเดินทางไปข้างนอก จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น. มีคนแจ้งว่าเกิดไฟไหม้ภายในบ้าน ซึ่งตนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าผู้ตายได้เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน ตอนมาเปิดไฟก็ไม่พบพี่สะใภ้เช่นกัน มาพบอีกทีก็กลายเป็นศพและไฟได้เกิดลุกไหม้จนทำให้เกิดความเสียหาย
จากการสอบถามชาวบ้านใกล้เคียงได้บันทึกภาพ โดยพบว่ามีการระเบิดของถังแก๊สและเปลวไฟพุ่งโชยขึ้นมาอย่างน่ากลัว เจ้าหน้าที่ได้เก็บข้อมูลทั้งหมดไว้เป็นหลักฐานและจะได้ทำการตรวจสอบถึงสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป.