เมื่อวันที่ 8 พ.ค. รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณีพิพาทระหว่างพระสงฆ์ กับสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ปมเข้ากลุ่มให้หวย ให้เลขเด็ด พอซื้อตามแล้วไม่ถูกหวย ก็เลยมาขอเงินคืนจากพระ แต่พระด่ากลับว่า “หน้าด้าน” โดยเอาไปด่าประจานลงในโซเชียล

คุณชมพู่ สาวผู้ร้องเล่าว่า เพื่อนของตนเป็นคนที่สนใจเรื่องหวย เรื่องเลขเด็ด มาเล่าให้ตนฟังว่า พระรูปนี้ให้หวยแม่นมาก ตนไม่ได้เล่นหวย แต่เพื่อนเป็นคนเอามือถือไปกดเสิร์ช กดติดตามพระรูปนี้ แล้วมีโพสต์เด้งขึ้นมา เป็นภาษาในกลุ่มคนชอบซื้อหวย เปิด “ตั๋วลาว ใครรับให้โอน 198 บาท ใครมีตั๋วไทย เอามาแลกได้ 25 บาท”

คุณชมพู่อ่านแล้วเข้าใจผิด คิดว่าโอน 25 บาท จะได้เข้ากลุ่ม ก็เลยโอนให้เลย 25 บาท แต่พอโอนแล้วส่งสลิปไปในแชต ปรากฏว่าเขาบอกให้เราโอนใหม่ 198 บาท เราก็โอนไป แล้วพิมพ์ไปว่า “เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ขอแค่ถูกก็พอ”

คุณชมพู่บอกว่า ตนไม่ได้ซื้อหวย แต่พอเข้ากลุ่มไปแล้ว ได้เลข ก็ตื่นเต้น วิ่งเอาไปให้คนนั้นคนนี้ดู เขาก็เอาไปซื้อตามกัน แต่สุดท้ายคนเอาไปซื้อตามแล้วไม่ถูก เพื่อนก็บอกว่า 198 บาท ไม่ใช่เงินน้อยๆ ให้ไปขอเงินคืน แต่พอเราไปทวงถาม เขากลับด่าเราว่าหน้าด้าน แล้วเตะเราออกจากกลุ่ม

เรื่องนี้มันไม่น่าจะมีอะไร แต่มีคนแคปมาให้ดูว่า พระเอาเราไปโพสต์ประจาน ไปตามด่าเราหน้าโซเชียล ว่าเราเสียๆ หายๆ ว่าหน้าด้านอย่างนั้นอย่างนี้ จนสุดท้ายต้องออกมาขอความเป็นธรรมให้ตัวเองด้วย

ขณะที่พระคม คู่กรณี เล่าว่า ตนเป็นหมอดูมาก่อน ที่ตอนนี้มาบวชเป็นพระ เพราะบวชให้ปู่ย่าของตนเอง ตั้งใจจะบวช 6 เดือน ตอนนี้เพิ่งบวชได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้เคยทำลักษณะนี้อยู่ก่อนแล้ว คือเชิญชวนลูกศิษย์ที่มาดูดวง ศรัทธา มาร่วมบุญโรงทาน แจกข้าวสารกัน โดยคนที่โอนเงินมาร่วมบุญ ตนจะจุดธูป ให้เลขอะไรต่างๆ ใครจะเอาไปซื้อเลข ซื้อหวย ก็เป็นเรื่องของเขา

แต่เคสของคุณชมพู่ เป็นใครก็ไม่รู้ เราไม่รู้จักกันมาก่อน เขาเริ่มต้นด้วยการส่งสลิปมา ไม่ถาม ไม่คุย ไม่อะไรเลย ก็เข้าใจว่ามาเอาเลขเด็ดเหมือนคนอื่นๆ เราก็ส่ง QR Code ให้เข้ากลุ่ม พอทำหน้าที่เสร็จก็ลบไป แล้วเขาพูดบางอย่างมาเหมือนกดดันว่าจะต้องให้หวยถูก เราบอกว่ากลุ่มนี้เราทำขึ้นมาสำหรับกลุ่มลูกศิษย์ ทำบุญ ไม่มีใครเขาซีเรียสเรื่องเลขขนาดนั้น ถ้าไม่สบายใจก็เอาเงินคืนไปได้เลย แต่เขาก็ไม่ได้ส่งเลขบัญชีมา จนถึงเวลาหวยออก แล้วเขามาขอเงินคืน เราก็เลยด่าว่าอย่าหน้าด้าน แล้วบล็อกเขาไป

ยอมรับผิดที่เราไปโพสต์ด่า โพสต์ต่อว่าเขาต่างๆ นานา เพราะมีลูกศิษย์ฝั่งเราแคปมาให้ดู ว่าเขาไปโพสต์อะไรบ้างในเฟซบุ๊กของเขาเอง เราเองก็โพสต์ตอบโต้ไป ด่ากันไปกันมา ปั่นกันไปกันมา ยอมรับว่าเราเองก็ขาดสติ เราเป็นพระก็ไม่ควรไปทำแบบนั้น จนทางคุณชมพู่เขาไปแจ้งความเอาผิดเรา

วันที่คุณชมพู่เขาไปแจ้งความ เราก็ให้คนวนรถกลับไปที่โรงพักทันที ยอมรับว่าเราผิด ที่ไปตามด่าเขาในโซเชียล เราก็เลยไปแจ้งกับพนักงานสอบสวนว่า เรามารับทราบข้อกล่าวหา เราเองที่ผิด ไม่ควรไปปะทะต่อคารมกับญาติโยม ขอมารับทราบข้อหาตามขั้นตอน

ตำรวจบอกว่า ตอนนี้อาจจะร้อนกันทั้งสองฝ่าย ก็อยากให้สองฝ่ายกลับไปตั้งสติ ตั้งหลักกันก่อน ไม่อยากให้มาทะเลาะกันบนโรงพัก ขอเบอร์ติดต่อของพระเอาไว้ แล้วถ้าคุณชมพู่เขาจะเอายังไง ก็จะนัดมาไกล่เกลี่ยกันอีกที

แต่ปัญหาที่มันไม่จบ คือคุณชมพู่เขาไปโพสต์ว่าจะมาที่จันทบุรี จะมาที่วัดที่เราจำวัดอยู่ ลักษณะเหมือนข่มขู่อะไรต่างๆ นานา ทำให้มีการโพสต์ตอบโต้กันไม่หยุด ซึ่งในเรื่องนี้ ถ้าจะมีคดีความอะไร เราก็ยอมรับข้อกล่าวหา ไปว่ากันตามกฎหมาย

แต่ประเด็นใหญ่คือมีการเปิดเผยว่า ในกลุ่มของพระคม มีการแปะลิงก์เว็บพนันหวยเถื่อน โดยพระคมเป็นคนแปะลิงก์เอง เข้าข่ายชักชวนเล่นพนัน มีโทษตามกฎหมาย โดยคุณชมพู่เอาหลักฐานมาโชว์ว่า หลวงพี่คมเป็นคนแปะลิงก์ในกลุ่มแน่นอน

พระคมแจงว่า ในกลุ่มนั้นเป็นกลุ่มของคนชอบเสี่ยงโชค ชอบเล่นหวย ที่รวมตัวกันตั้งแต่ก่อนตนจะบวชเป็นพระแล้ว มีพรรคพวกที่ชอบเสี่ยงโชค เขาก็จะมาแปะลิงก์นั้นลิงก์นี้ ส่วนตนเสี่ยงโชคมานาน เคยเล่นในเว็บนี้แล้วถอนเงินได้จริง เวลามีคนมาขอเราก็ให้ไป ก็แค่นั้น ไม่ได้เอาไปแปะสาธารณะเพื่อชวนใครมาเล่น

ในเรื่องนี้ นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี มองว่ามีความผิดแน่นอน ทางหน่วยงานต้องไปตรวจสอบเว็บนี้ และถ้าพบฐานความผิด ยังไงหลวงพี่คมก็ต้องผิดด้วยแน่นอน

ท้ายที่สุดคุณชมพู่บอกว่า ในเรื่องพิพาท ต้องการให้พระคมขอโทษตนผ่านสื่อ แล้วเรื่องคดีความก็ค่อยไปว่ากันว่าจะถอนหรือไม่ถอน แต่ทางพระคมบอกว่า ตนขอโทษไม่ได้ เดี๋ยวตนจะกลับไปปริวาสกรรม แล้วจะสึกจากพระ คดีความก็รับทราบข้อหาไว้แล้ว ผิดถูกเดี๋ยวไปว่ากัน แต่จะให้ขอโทษในตอนนี้ ด้วยความที่ครองสมณเพศ ก็ถือว่ายังไม่เหมาะสม เรื่องจึงจบลงที่ต้องไปดำเนินการตามกฎหมายกันต่อไป ทั้งเรื่องหมิ่นประมาท และเรื่องชักชวนเล่นพนัน