จากกรณี นายสุรินทร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี เมาสารระเหยก่อเหตุอาละวาดภายในห้องเช่าแห่งหนึ่ง ซอยบุญสนอง 6 ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จนทำให้ชาวบ้านเกิดอาการหวาดกลัว ต้องอยู่อย่างหวาดผวาทุกคืนนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ หลังจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านดังกล่าว พบว่าห้องเกิดเหตุยังอยู่ในสภาพเดิม แต่ไม่พบตัว นายสุรินทร์ ผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด โดยชาวบ้านให้ข้อมูลว่า เคยเห็นผู้ก่อเหตุถือไม้และมีดเดินไปมาภายในซอย เคยบอกเจ้าของห้องเช่าของผู้ก่อเหตุไปหลายครั้งแล้ว ทางเจ้าของห้องเช่าจึงยกเลิกสัญญาเช่าห้อง แต่ผู้ก่อเหตุก็ยังกลับมาที่ห้องอยู่ ทำให้ชาวบ้านในซอยหวาดกลัวกันอย่างมาก

ขณะที่กำลังสัมภาษณ์พบว่าด้าน น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี ภรรยาของผู้ก่อเหตุได้ปั่นจักรยานมาที่ห้องเช่าพอดี ผู้สื่อข่าวจึงได้เข้าไปสอบถาม ทราบว่า สามียังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ และอยากจะนำตัวไปรักษาในเรื่องติดสารระเหย และสุรา

น.ส.เอ กล่าวว่า ยอมรับว่าสามีติดทินเนอร์และกาวอย่างหนัก แถมยังติดเหล้า พอเมากาวทีก็จะมีอาการคลุ้มคลั่ง อาละวาด จนตนเองหวาดกลัว เกรงว่าสามีจะทำร้ายร่างกาย จึงต้องหนีไปอยู่กับพี่สาวอีกที ปล่อยให้สามีอยู่ที่นี่เพียงลำพัง และจะคอยวนเวียนมาเยี่ยมมาหาบ้าง ส่วนที่สามีติดสารทินเนอร์นั้น มาจากสามีเคยเป็นช่างสี และอยู่กับการสูดดมทินเนอร์ทุกวันจนสะสม กลายเป็นคนติดสารทินเนอร์ เคยพาตัวไปรักษามาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่หายขาด และกลับมาสูดดมเหมือนเคย กระทั่งมาเกิดเรื่องล่าสุด

“ในส่วนตนเองเมื่อถามว่าจะเลิกกับสามีไหม ตนยืนยันว่าไม่เลิก และไม่มีความคิดที่จะเลิกกับสามี ถึงแม้ว่าตนเองเคยถูกสามีต่อยที่หน้าและใช้มีดฟันที่หัว ที่ผ่านมาญาติเคยบอกให้แจ้งความ แต่ด้วยความรักและยังห่วงสามี จึงไม่ได้แจ้งความจับสามีแต่อย่างใด แต่อาศัยไปนอนที่บ้านพี่สาวแทน อีกทั้งข้อดีของสามีก็มีเยอะกว่าข้อเสีย จึงไม่คิดทิ้งสามีแต่อย่างใด หลังจากนี้หวังให้สามีเลิกดมสารดังกล่าว”

ด้าน พ.ต.อ.นพดล ช่างเรือง ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ ให้ข้อมูลกับทางนักข่าวผ่านทางโทรศัพท์ ระบุว่า จาการตรวจสอบประวัติชายคนดังกล่าวพบว่าเคยมีประวัติการรักษาอาการทางจิต ซึ่งพอเกิดเหตุล่าสุดเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ละเลยแต่อย่างใด มีการจับกุมตัวส่งโรงพยาบาลสมุทรปราการแล้ว แต่ประวัติพบการรักษาตัวที่รพ.บางปะกง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลตามสิทธิ จึงมีการประสานรับตัวส่งต่อการรักษา ส่วนในทางคดีนั้น ผู้เสียหายมาแจ้งความแล้ว ในข้อหาบุกรุกเคหสถานในยามวิกาล ซึ่งพนักงานสอบสวนรับเรื่องไว้แล้ว แต่จะต้องรอผลการรักษาและระบุยืนยันจากแพทย์เรื่องอาการทางจิตอีกครั้งเพื่อใช้ประกอบสำนวนทางคดี.