เมื่อเวลา 15.40 น. วันที่ 17 พ.ค. ตำรวจ สภ.เมืองสกลนคร อ.เมือง จ.สกลนคร รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถ จยย.มีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 ราย บนถนนนิตโยขาเข้าตัวเมืองสกลนครช่วงยูเทิร์นกลับรถ จึงประสานไปยัง พนักงานสอบสวน แพทย์เวร และสมาคมกู้ภัยชุดอุทิศ รุดออกตรวจสอบ พบจุดเกิดเหตุเป็นช่วงยูเทิร์น มีรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีขาว ทะเบียน 1 กศ 1905 สกลนคร สภาพถูกชนถลอกทะเบียนหลุด โดยมี น.ส.อ้อยทิพย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี ชาวบ้านดอนเสาธง ต.ฮางโอง อ.เมือง จ.สกลนคร เป็นคนขับขี่ซ้อนท้ายมากับ ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี ลูกชาย ซึ่งทั้งคู่มีอาการบาดเจ็บสาหัส โดยกู้ภัยได้นำตัว ด.ช.เอ นำส่ง รพ.สกลนคร ก่อน
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/05/image5-2.jpeg)
ขณะที่ น.ส.อ้อยทิพย์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีบาดแผลฉกรรจ์บริเวณศีรษะและใบหน้า นอนแน่นิ่งไม่ได้สติ เจ้าหน้าที่พยายามปั๊มหัวใจเพื่อยื้อชีวิตแต่ไม่สำเร็จ ส่วนคู่กรณีเป็นรถกระบะยี่ห้อมิตชูบิชิ รุ่นไทรทัน 2 ประตู สีเทา ทะเบียน ผก 464 สกลนคร จอดอยู่ใกล้กัน สภาพรถกระจกมีรอยชนมุมขวา ด้านกระโปรงหน้ามุมขวาพัง ทะเบียนกระเด็นหลุด กระจกด้านหลังแตก ท้ายกระบะบรรทุกรถ จยย.มาด้วย 1 คัน และถุงลมนิรภัยทำงาน คนขับปลอดภัย ทราบชื่อต่อมาคือ นายสุรเชษฐ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ยืนรอให้ข้อมูลกับตำรวจในที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกันเวลาเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนมีรถบนท้องถนนจำนวนมาก พ.ต.ท.พิบูลย์ จันทะมาตย์ สารวัตรจราจร สภ.เมืองสกลนคร ได้ลงพื้นที่มาคอยอำนวยความสะดวกบริการการจราจรแก่ประชาชน
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/05/image2-4.jpeg)
จากการสอบถาม นายสุรเชษฐ์ คนขับรถกระบะให้ข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า ตนมากัน 2 คน ขับมาทางตรงจากสี่แยกบ้านธาตุมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง ใช้ความเร็วอยู่ที่ประมาณ 70 กม. โดยรถ จยย.อยู่ตรงยูเทิร์นแล้วก็ขับตัดหน้ารถตน กระทั่งเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
เบื้องต้นคาดว่า น.ส.อ้อยทิพย์ เพิ่งไปรับลูกชายวัย 12 ปี กลับจากโรงเรียนในตัวเมืองเพื่อกลับบ้านที่ดอนเสาธง ซึ่งไม่ไกลกันกับจุดเกิดเหตุ เพราะมีกระเป๋าและรองเท้านักเรียนของ ด.ช.เอ พร้อมหมวกกันน็อกตกอยู่ แต่เมื่อมาถึงจุดดังกล่าวก็มาเกิดอุบัติเหตุเป็นเหตุให้ น.ส.อ้อยทิพย์ เสียชีวิต ส่วนลูกชายบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์ รพ.สกลนคร ด้านผู้เสียชีวิตเจ้าหน้าที่จะทำการติดต่อเพื่อมารับร่างนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป.