เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนจาก นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 61 ปี ชาวบ้าน ต.เขากวางทอง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ช่วยเป็นสื่อกลางตามหาภรรยา ที่หายตัวไป โดย นายเอ เล่าว่า ภรรยาวัย 53 ปี หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังขี่ จยย.พ่วงข้างออกจากบ้านไป ทิ้งไว้ที่บ้านลูกเขย ก่อนมารู้ความจริงที่สุดช้ำใจว่า หนีตามไปกับพระลูกวัดรูปหนึ่ง และทิ้งเลี้ยงแมว และสุนัข กว่า 30 ตัว รวมถึงหนี้สินอีกประมาณ 5 แสนบาท ที่สร้างไว้ตอนอยู่ด้วยกัน จึงไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน และตามหาตัวดังกล่าว

นายเอ เล่าว่า อยู่กินกับภรรยามานานกว่า 30 ปี โดยจดทะเบียนสมรส และมีบุตรสาวด้วยกัน 1 คน ประกอบอาชีพเก็บของเก่าขาย มีบ้านอยู่ใกล้วัดห่างกันแค่ 2 กิโลเมตร และภรรยาสงสารสุนัขแมวที่ถูกปล่อยทิ้ง เก็บมาเลี้ยงเอาบุญนานเข้าก็หลายตัวประมาณ 30 ตัว โดยช่วงเย็นหลัง 6 โมง ภรรยาจะขี่รถ จยย.พ่วงข้างที่ใช้เก็บของเก่า ไปขอข้าวเหลือก้นบาตรที่วัดกลับมาเลี้ยงหมาแมว แลกกับการที่ภรรยาล้างถ้วยล้างชามวัดให้ โดยทำมาตลอดหลายปี กระทั่งช่วงหลังๆ ผิดสังเกตว่าภรรยาทำไมกลับบ้านดึกกว่าปกติ กลับมืดช่วง 2 ทุ่มบ่อยครั้ง

นายเอ เล่าอีกว่า หลังเริ่มสงสัยเลยพยายามสังเกต พบว่าดึกๆ เวลานอนด้วยกัน จะมีเสียงโทรศัพท์ภรรยาดังขึ้น เห็นชื่อขึ้นที่มือถือเป็นชื่อพระรูปหนึ่ง จึงขอดูมือถือ แต่ภรรยาไม่ยอม จึงเกิดมีปากเสียงกันยื้อแย่งมือถือกันไปมาทำให้ภรรยาไม่พอใจกัดเข้าที่ไหล่ตน จากนั้นก็เริ่มมีพฤติกรรมซ่อนเร้นมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา ช่วง 6 โมงเช้า ภรรยาขี่รถ จยย.พ่วงข้างออกไปเอาข้าวแล้วไม่กลับมาอีกเลย ตนก็ไปถามหลานทราบว่า รถ จยย.พ่วงข้างจอดอยู่ที่บ้านลูกเขยที่ตลาดทุ่งนา หลังจากนั้นตนก็ออกตามหาภรรยาแต่ก็ไม่เจอ และพยายามออกตามหาแต่ก็ไม่พบ

นายเอ บอกว่า กระทั่งนึกถึงพระที่ปรากฏชื่อในโทรศัพท์ จึงเดินทางไปสอบถามที่วัดดังกล่าวกับเจ้าอาวาส จนมาทราบว่าพระรูปดังกล่าวที่แอบคุยโทรศัพท์กับภรรยาตนนั้น ถูกเจ้าอาวาสไล่ออกจากวัดไปแล้วเมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา ตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งตรงกับวันที่ภรรยาตนหายตัวไปตอนเย็น จึงทำให้มั่นใจว่าภรรยาหนีตามไปกับพระรูปดังกล่าวแน่นอน ทั้งนี้เจ้าอาวาสยังบอกเกี่ยวกับพระรูปดังกล่าวว่า อายุ 58 ปี อยู่ จ.สุรินทร์ เข้ามาอยู่ที่วัดตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งมีพฤติกรรมคอยมาดูภรรยาตนบ่อยครั้ง เวลามาล้างจานชามเก็บข้าวก้นบาตรไปให้หมาแมว

“อยากฝากบอกภรรยาว่า อยากให้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แม้จะเป็นของคนอื่นไปแล้วก็ตาม แต่ตนยังรักเหมือนเดิม แต่หากไม่กลับมา ก็ขอให้สามีใหม่มาช่วยชดใช้หนี้ที่ก่อไว้ ซึ่งตั้งแต่วันที่ทราบเรื่องสุดสะเทือนใจ ก็ไม่ได้ไปเอาข้าวที่วัดแห่งนี้มาเลี้ยงหมาอีกเลย เพราะรู้สึกแสลงใจว่าเป็นเพราะหมาแมวที่เลี้ยงไว้ จึงทำให้เมียรักปันใจไปมีชายอื่น เพราะหากไม่ต้องไปเอาข้าวให้หมาก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้” นายเอ กล่าว

เจ้าอาวาสวัด เผยว่า โยมผู้หญิงมาช่วยงานวัดทุกวัน ตอนแรกๆ ก็คิดว่าไม่มีอะไร หลังๆ มาเริ่มผิดสังเกต กระทั่งวันที่ 8 พ.ค. ช่วงใกล้มืด มาแอบดูหลังโรงครัว เห็นภรรยานายเอ ยืนพิงกำแพงปูน โดยมีพระรูปดังกล่าวยืนตรงหน้าใกล้ชิดกันเกินไป จึงส่งเสียงตวาดไปว่า แอบทำอะไรกัน ทำให้ทั้งสองตกใจรีบผลักออกจากกัน พร้อมกับสอบถามพระว่า ทำแบบนี้มันผิดรู้ไหม ซึ่งพระก็ไม่เถียง แต่ภรรยานายเอ อ้างว่า ไม่มีอะไรกัน จึงให้ทั้งสองยกมือสาบานว่าไม่มีอะไรกันจริง แต่ทั้งสองไม่กล้าไปสาบาน จึงไล่พระออกจากวัดไป เนื่องจากกลัวว่าวัดจะเสื่อมเสีย ยังได้บอกอีกด้วยว่า ได้โทรฯ ไปหาน้องสาวของพระรูปดังกล่าว ซึ่งตอนนี้ได้ทำการสึกไปแล้ว ทราบว่าทั้งสองได้หนีไปอยู่ด้วยกันจริง ซึ่งคาดว่าได้พากันไปอยู่ที่จังหวัดชุมพร