เมื่อวันที่ 19 ต.ค. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยเรื่องการเปิดภาคเรียนที่ 2 ในวันที่ 1 พ.ย.ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อวางมาตรการการเปิดเรียนในรูปแบบปกติ เพราะเมื่อรัฐบาลประกาศเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้ สถานศึกษาก็มีการเปิดเรียนตามไปด้วยเช่นกัน แต่อยากทำความเข้าใจว่าการเปิดเรียนจะต้องอยู่ภายใต้มาตรการที่ปลอดภัยด้านสุขภาพของนักเรียนด้วย ซึ่งการเปิดเรียนอาจจะเปิดไม่พร้อมกันทั้งหมด หรือโรงเรียนบางพื้นที่อาจจัดสลับวันมาเรียน ส่วนการตรวจ ATK ขณะนี้อาจจะไม่นำมาเป็นตัวกำหนดหลักของการเปิดเรียนแล้ว แต่ประเด็นสำคัญคือนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนให้ครบโด๊สทุกคน ซึ่งเบื้องต้นข้อมูลการฉีดวัคซีนของนักเรียนประมาณ 40% แล้ว โดยการตรวจ ATK อาจจะใช้เฉพาะโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงหรือมีการติดเชื้อในโรงเรียนเกิดขึ้น

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้การเปิดเรียนได้คาดว่าจะมีกำหนดมาตรการว่าโรงเรียนใดมีอัตราการฉีดวัคซีนไปแล้วกี่เปอร์เซ็นต์บ้าง และโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้มนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาจะต้องฉีดวัคซีนไปแล้วกี่เปอร์เซ็นต์เช่นเดียวกัน โดยการเปิดเรียนในรูปแบบปกติจะต้องดูบริบทความเหมาะสมตามสภาพพื้นที่ของโรงเรียนแต่ละแห่ง ซึ่ง ศธ.อาจจะกำหนดมาตรการกลางของการเปิดเรียนไว้ แต่จะต้องดูข้อปฏิบัติตามศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดเชื่อมโยงไปด้วย ซึ่ง ศธ.วางแผนเผชิญเหตุของโรงเรียนเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว อย่างไรก็ตามการฉีดวัคซีนอาจไม่ใช่คำตอบของการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้ทั้งหมด แต่เป็นการลดอาการรุนแรงของโรคเท่านั้น ซึ่งมาตรการที่ดีที่สุดคือ การเว้นระยะห่าง การสวมใส่หน้ากาอนามัยตลอดเวลา และการล้างมือทำความสะอาด