การนอนหลับให้สนิทและผักพ่อนให้เพียงพอ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพของเรา ทั้งช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน เสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายๆ รวมถึงเสริมให้ผิวพรรณสดใสมากขึ้นด้วย! แต่การที่เราจะนอนหลับให้สนิท พักผ่อนให้เพียงพอได้นั้น ไม่ได้จบแค่เพียงแค่การพยายามข่มตานอนให้ครบ 7-8 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ในเรื่องของ ‘สถานที่นอน’ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามไป เพราะหากห้องนอนของเราเต็มไปด้วยฝุ่น สิ่งสกปรก ความอับชื้น ถ่ายเทอากาศไม่สะดวก แม้เราจะนอนมากขนาดไหน คุณภาพการนอนของเราก็อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีพอ แถมยังเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาอีกต่างหาก ใครที่กำลังประสบกับปัญหาห้องนอนอับชื้น นอนแล้วรู้สึกหายใจไม่สะดวก อึดอัดอยู่บ่อยๆ ลองมาดูวิธีระบายอากาศในห้องนอนที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น ทำให้บรรยากาศปลอดโปร่งมากขึ้นกัน!

เปิดประตูและหน้าต่างเป็นเวลา ให้อากาศได้ถ่ายเทบ้าง

วิธีระบายอากาศในห้องนอนที่เบสิกและทำได้ง่ายมากที่สุด คือการเปิดประตูและหน้าต่าง เพื่อให้อากาศได้ถ่ายเท หมุนเวียนออกไปข้างนอก พร้อมกับมีแสงแดดและความร้อนลอดเข้ามาในห้องนอน

แต่หากรู้สึกว่าเปิดประตูและหน้าต่างแล้วรู้สึกว่า ทำให้อุณหภูมิในห้องสูงเกินไป รู้สึกร้อน ก็แนะนำให้เปิดเป็นเวลาในช่วงเช้าๆ ที่อุณภูมิยังไม่สูงจนเกินไป นอกจากจะเป็นการขจัดกลิ่นอับชื้น รับอากาศดีๆ เข้ามาแทนแล้ว เรายังอาจได้รับวิตามินดีที่ดีต่อร่างกายและผิวพรรรณด้วยนะ!

หมั่นทำความสะอาดห้องนอนทุกซอก ทุกมุมอยู่เสมอ

หนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้ห้องนอนของเราอับชื้น ถ่ายเทอากาศได้ไม่สะดวก ก็เพราะฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นตามเตียงนอน เฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ ผ้าม่าน บนพื้นห้องนอน รวมไปถึงถังขยะที่นานๆ ทีจะทิ้งด้วย ฉะนั้นเลยขอแนะนำให้หมั่นทำความสะอาดห้องนอนอยู่เสมอ เริ่มต้นตั้งแต่กวาดพื้น ดูดฝุ่นทุกซอก ทุกมุม เช็ดเฟอร์นิเจอร์ สลัดผ้าปูที่นอน ถูห้องด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมกำจัดเชื้อโรค หรือผสมกลิ่นน้ำหอมเฟรชๆ เพื่อขจัดกลิ่นอับ ไม่พึงประสงค์ ที่สำคัญอย่าลืมทิ้งขยะทุกๆ วันด้วย

ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศในห้องนอนเป็นประจำ

อากาศเมืองไทยร้อนระอุขนาดนี้ เชื่อว่าหลายๆ คนต้องนอนเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์ทุกๆ คืน หรือเปิดใช้ระหว่างวันแน่นอน และเพราะถูกเปิดใช้งานอย่างต่อเนื่อง เครื่องปรับอากาศเลยเป็นอีกหนึ่งแหล่งสะสมของคราบสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง และความชื้นที่ทำให้ห้องนอนเราอับชื้น นอนแล้วหายใจไม่สะดวก วิธีระบายอากาศในห้องนอนถัดมาเลยจะขาดการทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศในห้องนอนไปไม่ได้ โดยควรหมั่นล้างทุก 3 หรือ 6 เดือน อาจล้างด้วยตนเองโดยการใช้น้ำยาสำเร็จรูป หรือเรียกช่างมาล้างให้ก็ได้ แต่อย่าลืมถอดแผ่นกรองอากาศมาล้างทุกเดือนด้วย รับรองว่าทำแล้วห้องปลอดโปร่งมากขึ้น แถมยังประหยัดไฟ เปิดใช้งานแอร์แล้วเย็นฉ่ำขึ้นอีกต่างหาก    

เช็กเสื้อผ้าทุกตัวในห้องนอนให้ะอาดและแห้งสนิท

ใครเป็นสายดองเสื้อผ้าที่ใช้แล้ว นานๆ ทีซักขอให้เปลี่ยนพฤติกรรมด่วน! หากอยากลดกลิ่นอับชื้นในห้องนอน ทำให้ห้องนอนสดชื่นมากขึ้น เพราะเสื้อผ้าที่ใช้งานแล้ว มักจะมีคราบเหงื่อ สิ่งสกปรก และแบคทีเรียสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ฉะนั้นอย่าได้หมักหมมเสื้อผ้าทิ้งไว้ในห้องนอนนานหลายๆ สัปดาห์ หรือเป็นเดือนโดยเด็ดขาด แนะนำให้ซักไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ใช้น้ำยาซักผ้าที่มีคุณภาพ พร้อมน้ำยาปรับผ้านุ่มเพิ่มกลิ่นหอม ที่สำคัญเสื้อผ้าทกตัวที่ซักหากนำมาเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า หรือแขวนในห้องนอนจะต้อง ‘แห้งสนิท’ เท่านั้น มิฉะนั้นความอับชื้น กลิ่นอับมาเยือนจนนอนหลับไม่สนิทแน่นอน

ติดตั้งเครื่องลดความชื้น

การติดตั้งเครื่องลดความชื้นเป็นอีกหนึ่งวิธีระบายอากาศในห้องนอนที่ให้ผลลัพธ์ดีไม่แพ้กัน เป็นการพึ่งพานวัตกรรม ที่ออกแบบมาเพื่อลดความชื้น ขจัดกลิ่นเหม็นอับโดยเฉพาะ เหมาะกับนำมาติดตั้งในช่วงฤดูฝนที่ความชื้นสูงเป็นพิเศษ และเหมาะกับคนที่ตากผ้าในห้อง เพราะมีฟังก์ชันช่วยให้ผ้าแห้งรวดเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ยังลดการสะสมของพวกฝุ่น หรือเชื้อโรคได้เป็นอย่างดีด้วย  

ติดตั้งเครื่องกรองอากาศ หรือเครื่องฟอกอากาศ

นอกจากเครื่องลดความชื้นแล้ว การติดตั้งเครื่องกรองอากาศ หรือเครื่องฟอกอากาศก็เป็นอีกไอเทมที่หากอยากบอกลาปัญหาห้องนอนอับ พร้อมเพิ่มความสะอาด สดชื่นให้แก่ห้องนอน ไม่ควรจะพลาดมีติดไว้เลย เพราะเครื่องกรองอากาศ หรือเครื่องฟอกอากาศนี้เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อดัก ดักจับฝุ่นละออง แบคทีเรีย และเชื้อโรคได้อย่างครอบคลุม แม้ในระดับที่เรามองด้วยตาเปล่าไม่เห็น! โดยแนะนำให้มองหาเครื่องกรองอากาศ หรือเครื่องฟอกอากาศที่มี HEPA Filter ที่สามารถกรองสิ่งปนเปื้อนในอากาศได้ในระดับอนุภาคเล็ก มีบรรจุคาร์บอนกัมมันต์หนักที่ช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้อย่าลืมเลือกขนาดให้แมตช์กับพื้นที่ในห้องนอนของเราด้วยจะได้ฟอกอากาศได้ทั่วถึงนั่นเอง

เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีระบายอากาศในห้องนอนส่วนหนึ่งที่เรานำมาฝาก แต่ละวิธีไม่ได้ยากอย่างที่คิด สิ่งสำคัญคือการเน้นในเรื่อง ‘ความสะอาด’ พยายามขจัดตัวการที่ทำให้เกิดสิ่งสกปรก และกลิ่นอับชื้นสะสมออกไปให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเปิดประตูและหน้าต่างรับแสงแดด รับอากาศ การหมั่นทำความสะอาดห้องนอน เครื่องปรับอากาศ การซักผ้า เช็กให้ผ้าในห้องนอนแห้งสนิท หรือจะเป็นการเลือกติดตั้งไอเทมที่ออกแบบมาเพื่อขจัดความชื้น และสิ่งสปรกโดยเฉพาะอย่างการติดตั้งเครื่องลดความชื้น การติดตั้งเครื่องกรองอากาศ หรือเครื่องฟอกอากาศ หวังว่าวิธีเหล่านี้จะช่วย

ให้ห้องนอนของทุกๆ คนไร้กลิ่นอับชื้น สะอาด ปลอดโปร่ง หายใจสะดวก พร้อมนอนได้หลับสนิทมากขึ้น เพื่อคุณภาพการนอนที่ดี และสุขภาพที่ดีในระยะยาว