การยื่นภาษีเป็นหน้าที่สำคัญของผู้มีรายได้ทุกคน แต่หลายคนที่ยื่นภาษีไปแล้วพร้อมกับสิทธิลดหย่อนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำประกัน หรือใช้สิทธิช่องทางอื่น ๆ แต่ยังไม่ได้รับเงินคืน มาทำความเข้าใจขั้นตอนการตรวจสอบ และวิธีการรับเงินคืนภาษีด้วยตัวเองกันได้ง่าย ๆ กันดีกว่า
เงินคืนภาษี คืออะไร ใครที่ขอคืนได้บ้าง

เงินคืนภาษี คือ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้มากกว่าที่ควรจะเสียจริง โดยผู้ที่มีสิทธิ์ขอคืนภาษีคือผู้ที่ยื่นภาษี และมียอดภาษีที่จ่ายเกิน ซึ่งมักเกิดจากการนำค่าลดหย่อนต่าง ๆ มาคำนวณในตอนยื่นภาษี
วิธีตรวจสอบเงินคืนภาษี
หลังจากยื่นภาษีแล้ว สามารถตรวจสอบสถานะการคืนภาษีได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
- เว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th : เข้าสู่ระบบด้วยบัญชีผู้ใช้ e-Filing หรือ Digital ID จากนั้นเลือกเมนู “ตรวจสอบสถานะการคืนภาษี” ระบบจะแสดงข้อมูลการคืนภาษี และสถานะปัจจุบัน
- แอปพลิเคชัน RD Smart Tax : ดาวน์โหลด และล็อกอินด้วยข้อมูลเดียวกับเว็บไซต์ สามารถตรวจสอบสถานะได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมรับการแจ้งเตือนเมื่อมีความคืบหน้า
- ระบบ My Tax Account : ให้บริการแบบครบวงจร ทั้งตรวจสอบสถานะ อัปโหลดเอกสารเพิ่มเติม และแก้ไขข้อมูลการรับเงินคืน
- ศูนย์บริการข้อมูลสรรพากร โทร. 1161 : เจ้าหน้าที่พร้อมให้ข้อมูลในวันทำการ 8.30-16.30 น. สามารถสอบถามรายละเอียดและเหตุผลกรณีเงินคืนล่าช้า
- สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ : ติดต่อโดยตรงเพื่อตรวจสอบสถานะ และส่งเอกสารเพิ่มเติม โดยเฉพาะกรณีที่ต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม
ขอเงินคืนภาษีได้ทางไหนบ้าง
ในส่วนของช่องทางการคืนเงินภาษี จะมีทั้งหมด ดังนี้
- บัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน : วิธีที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด เงินเข้าบัญชีโดยตรงภายใน 3-4 วันทำการ ไม่มีค่าธรรมเนียม และตรวจสอบการโอนได้ทันที
- บัญชีธนาคารกรุงไทยหรือ ธ.ก.ส. : เหมาะสำหรับผู้ที่มีบัญชีกับสองธนาคารนี้อยู่แล้ว ใช้เวลาโอนประมาณ 5-7 วันทำการ ต้องระบุเลขบัญชีให้ถูกต้อง
- รับเช็คทางไปรษณีย์ : สำหรับผู้ที่ไม่มีพร้อมเพย์หรือบัญชีธนาคารที่กำหนด จะได้รับหนังสือแจ้ง ค.21 พร้อมเช็ค ใช้เวลาประมาณ 15-30 วัน
- ติดต่อรับที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ : กรณีพิเศษหรือมีปัญหาการรับผ่านช่องทางอื่น สามารถติดต่อขอรับโดยตรงพร้อมเอกสารยืนยันตัวตน
ขอเงินคืนภาษีกี่วันได้

ระยะเวลาในการรับเงินคืนภาษีจะแตกต่างกันตามช่องทางการรับเงิน และความครบถ้วนของเอกสาร โดยกรณีที่เร็วที่สุดคือการรับผ่านพร้อมเพย์ ซึ่งจะได้รับเงินภายใน 3-4 วันทำการหลังจากกรมสรรพากรอนุมัติ สำหรับการรับผ่านบัญชีธนาคารโดยตรงจะใช้เวลาประมาณ 7-14 วันทำการ ส่วนกรณีที่ต้องรับเป็นเช็คทางไปรษณีย์อาจใช้เวลาถึง 30 วัน และหากมีความจำเป็นต้องตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติม กระบวนการอาจยืดเยื้อไปถึง 3 เดือน
จะรู้ได้อย่างไรว่าได้เงินคืนภาษีเท่าไหร่
การคำนวณเงินคืนภาษีเริ่มต้นจากการรวบรวมข้อมูลภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายทั้งหมดในปีภาษีนั้น จากนั้นนำมาเปรียบเทียบกับภาษีที่ต้องจ่ายจริงหลังหักค่าลดหย่อนต่าง ๆ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ค่าประกันชีวิต ค่าเลี้ยงดูบุพการี และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด หากยอดภาษีที่ถูกหักไว้สูงกว่าภาษีที่ต้องจ่ายจริง ส่วนต่างนี้คือเงินภาษีที่จะได้รับคืน ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบตัวเลขได้จากแบบแสดงรายการภาษี ภ.ด.90 หรือ 91 ที่ยื่นไป หรือตรวจสอบผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร
จะเห็นได้ว่า การยื่นภาษี และขอคืนภาษีในปัจจุบันนั้นไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป เพียงเตรียมเอกสารให้พร้อม และเลือกวิธีรับเงินคืนที่สะดวก โดยเฉพาะการใช้พร้อมเพย์ที่ช่วยให้ได้รับเงินคืนเร็วขึ้น หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อกรมสรรพากรได้ตลอดเวลาทำการ ส่วนใครที่กำลังมองหาแผนประกันเพื่อช่วยลดหย่อนภาษี สามารถขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ ตัวแทน หรือสนใจ ซื้อประกันออนไลน์ สามารถติดตามข่าวสาร SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต ได้ที่ Facebook SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต, LINE Official @THAIGROUP และ Call Center โทร 0 2255 5656 ซื้อประกันชีวิตกับ SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต เพราะเราเข้าใจคุณในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเรื่องออมเงิน ลดหย่อนภาษี คุ้มครองสุขภาพ หรือ วางแผนเกษียณ ไม่ว่าเรื่องไหนๆ SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต พร้อมมอบความสุขให้คุณในทุกด้าน