สำหรับชื่อชั้นของ ลีปมอเตอร์ นั่นถือได้ว่ายังเป็นหน้าใหม่ในวงการรถยนต์ เพราะถือกำเนิดขึ้นมาเพียง 8 ปีที่แล้ว คือในช่วงปลายปี 2015 ในมณฑลเจ้อเจียง แต่ถึงจะใหม่แต่สรรพคุณของเค้าไม่ธรรมดา เพราะแม้จะมีพ่อแม่เป็นคนจีน แต่แบรนด์นี้กลับมีพ่อบุญธรรมเป็นฝรั่ง ซึ่งก็คือ เครือ “สเตลแลนทิส” (Stellantis) ซึ่งถือหุ้นใหญ่ เป็นสัดส่วน 20% มาตั้งแต่ช่วงปี 2023 และเป็นผู้ส่งเสียให้ออกมาตลุยตลาดนานาชาติ โดยเริ่มต้นลุยในตลาดยุโรป และภูมิภาคต่างๆทั่วโลกมาตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา

สำหรับใครที่นึกไม่ออกว่าเครือ สเตลแลนทิส คือใคร เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังแบรนด์รถยนต์นานาชาติทั้งยุโรปและอเมริกัน หลากหลายแบรนด์ อาทิ ไครสเลอร์ ดอร์จ จี๊ป เปอร์โยต์ ซีตรอง มาเซราตี อัลฟ่า โรมิโอ เฟียต ลันเซีย โอเปิล ฯลฯ นั่นเอง และเข้าคือผู้ถือสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายรถยนต์จาก ลีปมอเตอร์ ในตลาดนอกประเทศจีนอย่างเป็นทางการแต่ผู้เดียว

ส่วนตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยนั้นก็คือ เจ้าเก่าในวงการรถยนต์นำเข้าจากยุโรป รวมถึงเป็นดีลเลอร์รถยนต์อีกหลายแบรนด์ รวมถึงเป็นเจ้าของโรงงานประกอบรถยนต์บางชันอีกด้วย อย่าง “พระนครยนตรการ” หรือ PNA Group นั่นเอง โดยแผ่นการนำเข้านั้นชัดเจนว่าจะไม่ได้เข้าโครงการ อีวี3.5 เพราะตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ทำการผลิตในประเทศ แต่เป็นการนำเข้ามาโดยตรงจากประเทศจีน ซึ่งในมุมมองของอ้วนซ่าเองเห็นว่า ขนาดของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเรานั้นมีจำกัด การตัดสินใจนำเข้ามาโดยตรงก็นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูก เพราะถึงแม้จะมีราคาสูงกว่า แต่ก็ไม่มากจนเกินไป โดยตัวของพระนครยนตรการเองเตรียมงบการตลาดในปีแรกคือปี 2025 เอาไว้ถึง 150-200 ล้านบาท กับดีลเลอร์อีก 12 แห่งทั้งในกรุงเทพ และเขตภูมิภาคต่างๆ โดยโชว์รูมระดับเรือธงจะเข้ามาแทนที่โชว์รูมมาสด้า ที่อยู่ตรงกันข้ามกับตึกช้างนั่นเอง

สำหรับรถจากค่าย ลีปมอเตอร์ที่เข้ามาเปิดตัวในบ้านเรานั้นจะเริ่มต้นด้วย รุ่น C10 ซึ่งก็คือ เอสยูวีไฟฟ้า ขนาด C-SUV ซึ่งจะอยู่ในพิกัดเดียวกับ รถของ Deepal รุ่น S07 นั่นเอง โดยจะทำการเปิดตัวกันในงานมหกรรมยานยนต์หรือ มอเตอร์เอ็กซ์โป ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ที่จะถึงนี้ โดยแย้มราคามาว่า “ล้านต้นๆ”

ด้านรูปลักษณ์นั้นหากจะพูดแบบไม่เกรงใจก็ต้องบอกว่า “ด้านท้าย” นั้นมันเหมือนกับ พอร์เช่ คาเยนน์ เอามากๆ ส่วนด้านหน้าก็หล่อเรียบๆดูดี และจุดขายอีกจุดก็คือ ช่วงล่างที่เคลมไว้ว่า ปรับจูนโดยวิศวกรจากค่าย มาเซอราตี จากอิตาลีเลยทีเดียว โดยขุมกำลังของมันคือ แบตเตอรี่ในสถาปัตยกรรม 800 โวลต์ ขนาด 69.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง กับมอเตอร์เดี่ยว 218 แรงม้าแรงบิด 320 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 7.5 วินาที กับตีนปลาย 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน NEDC อาจจะไม่ได้ไกลมากคือ 477 กิโลเมตร และการชาร์จไฟก็อาจจะไม่ได้เร็วมากคือ AC รับได้สูงสุดเพียง 6.6 กิโลวัตต์ ส่วน DC ได้เพียง 84 กิโลวัตต์

เรียกได้ว่า ในตลาดที่มีตัวเล่นให้เลือกมากมาย ก็ต้องดูกันล่ะขอรับว่างานนี้ “หมู่ รึ จ่า” !