เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ตนได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ของกระทรวงศึกษาธิการ  โดยในเดือนพ.ย.นี้เราจะร่างแผนงงบประมาณอย่างเป็นทางการอีกครั้ง สำหรับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 นั้นศธ.จะยึดตามกรอบแผนปฎิรูปประเทศ ด้านการศึกษา และนโยบายบิ๊กล็อกการปฎิรูปการศึกษาที่ประกอบไปด้วย เรื่องการศึกษาเด็กปฐมวัย ซึ่งในเรื่องนี้จะเจาะลึกไปถึงการจัดทำข้อมูลด้านเทคโนโลยีเด็กปฐมวัย มาตรฐานศูนย์ต่างๆที่ดูแลเด็ก เพราะขณะนี้เรื่องการศึกษาเด็กปฐมวัยได้ถูกเปลี่ยนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มาให้ศธ.เป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินงานแล้ว นอกจากนี้ยังมีประเด็นการจัดทำความร่วมมือหรือทวิภาคี การผลิตและพัฒนาครู การจัดการเรียนการสอนรูปแบบแอคทีฟเลิร์นนิ่ง และการบริหารจัดการศึกษาภายใต้สถานการณ์โควิด  

ปลัดศธ.กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ไม่ได้ย้ำเรื่องการจัดทำงบประมาณ อะไรเป็นพิเศษแต่รมว.ศึกษาธิการให้การจัดทำแผนงบประมาณคู่ขนานไปกับโยบาย 12 ข้อ 1.การปรับปรุงหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ให้ทันสมัย 2.การพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครูและอาจารย์ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและอาชีวศึกษาให้มีสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล 3.การปฏิรูปการเรียนรู้ด้วยดิจิทัลฝานแพลตฟอร์มการเรียนรู้ด้วยดิจิทัลแห่งชาติ(NDLP) 4.การพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารและการจัดการศึกษา 5.การประเมินผลการศึกษาและการประกันคุณภาพ 6.การกระจายทรัพยากรให้ทั่วถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย 7.การนำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ (NQF) และกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน (AQRF) สู่การปฏิบัติ 8.การพัฒนาเด็กปฐมวัย 9.การศึกษาเพื่ออาชีพและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน 10.การพลิกโฉมระบบการศึกษาไทยด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย 11.การเพิ่มโอกาสและการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพของกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา  และ12.การจัดการศึกษาในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย  ซึ่งรวมไปถึง 7 นโยบายเร่งด่วนด้วย   

“งบประมาณในปี 66 จะมีจำนวนเท่าไหร่นั้นผมยังยังบอกไม่ได้ เพราะเราต้องมาไล่ดูกิจกรรมบางโครงการที่เสร็จแล้วและจะต้องมีการตัดออกไป  รวมถึงคิดโครงการใหม่ๆ แต่อย่างไรก็ตามจะวางแผนการจัดทำงบให้มีความเหมาะสมเพื่อไม่ให้มีการตัดงบประมาณ เนื่องจากงบประมาณปี 65 ของศธ.โดนตัดไปจำนวนที่เยอะมาก” ดร.สุภัทร กล่าว