เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 67 นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาผลกระทบจากคดีการสลายการชุมนุมเหตุการณ์ตากใบที่ขาดอายุความ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้และการฟื้นฟูความชอบธรรมของรัฐ สภาผู้แทนราษฎร  เปิดเผยถึงผลการประชุมอนุ กมธ. เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ว่า เป็นการประชุมนัดแรกเพื่อวางกรอบการทำงานให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลา 90 วันที่สภามอบหมาย ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 23 ม.ค. 68  โดยที่ประชุมจะพิจารณาศึกษารายละเอียดทั้งหมด 4 กรอบ คือ 1.กรอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ วันที่ 25 ต.ค. 47 ว่ามีการดำเนินการอย่างไรบ้าง และรัฐบาลแต่ละยุคสมัยได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง หากมีข้อเท็จจริงที่ไม่ชัดเจน ต้องเรียกมาสอบถาม 2. กรอบการดำเนินคดี ว่ามีหน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องที่ทำให้คดีล่าช้า แม้มีการออกหมายจับแล้ว ยังไม่สามารถจับกุมได้ 3.กรอบการเยียวยาที่ผ่านมา ว่ามีประเด็นการจ่ายเงินหรือบันทึก หรือมีประเด็นที่เกี่ยวข้องใดบ้างและทำให้คดีไม่คืบหน้า และ 4.ประเด็นที่คดีขาดอายุความว่ามีข้อกฎหมายหรือประเด็นที่เกี่ยวข้องใดบ้างต่อการเสนอแก้ไขกฎหมาย ซึ่งอนุ กมธ.ต้องศึกษาเพื่อเสนอไปยังฝ่ายบริหาร

“ในการประชุมนัดหน้า วันที่ 28 พ.ย.นี้  จะเป็นการพูดคุยในประเด็นที่เคยมีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาพิจารณา ตั้งแต่สมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และมีการศึกษาของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ซึ่งทราบว่ามีรายงานถึง 15 ฉบับ ต้องนำมาพิจารณาในข้อเท็จจริงและบทสรุปของการศึกษาแต่ละช่วงที่ผ่านมาอีกครั้ง” นายกมลศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านั้น กมธ.กฎหมาย สภา เคยตรวจสอบมาแล้วจะนำมาพิจารณาอย่างไร นายกมลศักดิ์ กล่าวว่า มีการตรวจสอบเรื่องคดี ซึ่งทราบว่ามีการลดการสอบสวน และไม่ได้ดำเนินคดีอาญา ซึ่ง กมธ.กฎหมาย ไม่ได้ตรวจสอบต่อ แต่หลังจากนี้อนุ กมธ.ต้องพิจารณารายละเอียดว่า กรณีที่ทิ้งการสอบสวนเป็นเพราะเหตุใด

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ดังกล่าวผ่านมานาน เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องอาจเกษียณอายุราชการไปแล้วจะเป็นอุปสรรคหรือไม่ นายกมลศักดิ์ กล่าวว่า  ยังไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่หรือไม่ ซึ่งขณะนี้อนุ กมธ.ยังไม่มีข้อมูล ดังนั้นต้องรอการศึกษาอีกครั้งถึงจะตอบได้

เมื่อถามว่า ในผลการศึกษาได้มุ่งเป้าต่อการเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายกมลศักด์ กล่าวว่า จะไม่ได้เน้นในประเด็นดังกล่าว เพราะต้องศึกษารายละเอียดเพื่อนำข้อมูลเสนอต่อสาธารณะให้ทราบว่าเป็นอย่างไร ดังนั้นในประเด็นการเอาผิดนั้นต้องดูที่ประชุมอนุ กมธ.อีกครั้งว่าจะมีข้อเสนอแนะอย่างไรหรือไม่ ซึ่งตนไม่สามารถตอบในนามส่วนตัวได้ อย่างไรก็ดีในคดีตากใบนั้น เรื่องจะไม่เงียบแน่นอน.