สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ว่างบประมาณสนับสนุนมูลค่า 10 ล้านล้านเยน (ราว 2.2 ล้านล้านบาท) ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรอาจอนุมัติ ภายในสัปดาห์นี้ ยังถือเป็นการเตรียมพร้อม ท่ามกลางสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ไม่แน่นอน จากความหวาดกลัวของญี่ปุ่นว่า จีนอาจรุกรานไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

ซอฟต์แบงก์ซึ่งเป็นบริษัทผู้ลงทุนด้านเทคโนโลยี และอินวิเดียซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านคอมพิวเตอร์จากสหรัฐ เปิดเผยข้อเสนอในการสร้าง “โครงข่ายเอไอ” ทั่วประเทศ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งหนึ่งในความร่วมมือระหว่างอินวิเดียกับซอฟต์แบงก์ คือ “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์” ใหม่ ที่ใช้ชิป “แบล็คเวลล์” ซึ่งเป็นชิปเอไอล้ำสมัยของอินวิเดีย

ทั้งนี้ งบประมาณดังกล่าวของรัฐบาล จะช่วยสนับสนุน “โครงการราพิดัส” ของญี่ปุ่น เพื่อผลิตเซมิคอนดักเตอร์รุ่นต่อไป โดยรัฐบาลให้คำมั่นว่า จะให้เงินอุดหนุนมากถึง 4 ล้านล้านเยน (ราว 894,540 ล้านบาท) เพื่อช่วยให้ยอดขายไมโครชิปที่ผลิตในประเทศ เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ภายในปี 2573

ความหวาดกลัวที่เพิ่มมากขึ้นในญี่ปุ่น เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวัน ส่งผลให้ทีเอสเอ็มซี ซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ยักษ์ใหญ่ของไต้หวัน เปิดโรงงานชิปมูลค่า 8,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 297,904 ล้านบาท) ในภาคใต้ของญี่ปุ่น เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา และมีแผนก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 สำหรับผลิตชิปขั้นสูงกว่า

ขณะที่นิตยสาร “ฟอร์บส์” วิเคราะห์ว่า ญี่ปุ่นอาจได้รับประโยชน์จากเอไอในด้านการดูแลสุขภาพ และการลงทุนครั้งล่าสุดถือเป็นความพยายามที่จะทำให้ “ญี่ปุ่นอยู่แถวหน้าของการปฏิวัติทางเทคโนโลยี”.

เครดิตภาพ : AFP