เมื่อเร็วๆ นี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เปิดเผยว่า ช่วง 10 เดือนของปี 2567 (มกราคม-ตุลาคม) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 786 ราย

แบ่งเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 181 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 605 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 161,169 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 3,037 คน โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่

1. ญี่ปุ่น 211 ราย คิดเป็นร้อยละ 27 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 91,700 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ 

  • ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์
  • ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศเพื่อจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วน สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
  • ธุรกิจโฆษณา
  • ธุรกิจบริการให้ใช้แอปพลิเคชัน
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (อาทิ ชิ้นส่วนสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานพาหนะ ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ)

2. สิงคโปร์ 110 ราย คิดเป็นร้อยละ 14 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 14,779 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ 

  • บริการทางวิศวกรรมและเทคนิคในด้านต่างๆ เช่น การออกแบบทางวิศวกรรม และการวางระบบโครงสร้างการผลิต เป็นต้น
  • ธุรกิจโฆษณา
  • ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม
  • ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ การให้บริการ เช่น ระบบปัญญาประดิษฐ์เชิงสนทนาพร้อมอวทาร์ (Conversation AI Avatar) เป็นต้น
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในระดับเทคโนโลยีขั้นสูง (ADVANCED TECHNOLOGY) บรรจุภัณฑ์พลาสติก ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์)

3. จีน 103 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 13,806 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ

  • ธุรกิจบริการติดตั้ง ทดสอบ ซ่อมแซม บำรุงรักษา และฝึกอบรมเกี่ยวกับเครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ และระบบการทำงานต่าง ๆ เพื่อติดตั้งระบบสายพานที่ใช้สำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์ไฟฟ้า
  • ธุรกิจบริการ บริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ เช่น ระบบบริหารจัดการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า แอปพลิเคชันค้นหาและใช้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า เป็นต้น
  • ธุรกิจบริการสถานที่สำหรับเล่นเกมแก้ไขปริศนา (Escape Room)
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป, ผลิตชิ้นส่วนของระบบกันสะเทือนสำหรับยานพาหนะ, Audio Cables)

4. สหรัฐอเมริกา 103 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 4,552 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ

  • ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การติดตั้ง บำรุงรักษา แก้ไข และปรับแต่งเว็บไซต์ เป็นต้น
  • ธุรกิจค้าปลีกสินค้า อาทิ เครื่องเสียงและระบบเครื่องเสียง ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ เครื่องมือแพทย์
  • ธุรกิจโฆษณา
  • ธุรกิจบริการซ่อมแซมและบำรุงรักษากล้องส่องตรวจ ท่อส่องตรวจ และเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า อาทิ อุปกรณ์เลือกช่วงความยาวคลื่น อุปกรณ์แบ่งความเข้มแสง, Electro Magnetic Product

5. ฮ่องกง 57 ราย คิดเป็นร้อยละ 7 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 14,461 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ

  • ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ
  • ธุรกิจบริการสร้างแหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ โดยเป็นการให้บริการแหล่งท่องเที่ยวนันทนาการขนาดใหญ่ (Recreational Attraction Area)
  • ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย
  • ธุรกิจบริการให้ใช้แอปพลิเคชัน
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (อาทิ ด้ายหรือผ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษ ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป ชุดแบตเตอรี่ความจุสูง (High Density Battery))