ภายหลังเปิดตัวโอร่า กู๊ด แคท ในเมืองไทยเป็นครั้งแรก ล่าสุดทางเกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ประกาศราคาโอร่า กู๊ด แคท รถยนต์ไฟฟ้า 100% อัจฉริยะที่ทุกคนรอคอย ซึ่งมี 3 รุ่นย่อย คือ รุ่น 400 เทค ราคา 989,000 บาท รุ่น 400 โปร ราคา 1.059 ล้านบาท และรุ่น 500 อัลตร้า ราคา 1.199 ล้านบาท พร้อมย้ำนโยบาย “ราคาเดียว” ในทุกช่องทางการขาย พร้อมส่งมอบรถลอตแรกในเดือน พ.ย. นี้เป็นต้นไป นอกจากนี้เตรียมเปิดสถานีชาร์จ แห่งแรกในประเทศไทยต้นเดือน พ.ย. และขยายสาขา GWM Store เพิ่มหลังจากเปิดให้บริการแล้วกว่า 21 แห่ง ทั่วประเทศ ยืนยันเปิดครบ 30 แห่ง ภายในปีนี้ และเพิ่มเป็น 50 แห่งภายในไตรมาสแรกปีหน้า

การประกาศราคาของโอร่า กู๊ด แคทมาพร้อมกับแคมเปญสุดพิเศษ ORA Good Cat PREMIERE DEAL ด้วยดอกเบี้ยพิเศษ 1.79% นาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปีเต็ม ฟรี GWM โฮมชาร์จเจอร์พร้อมติดตั้ง แพ็กเกจบำรุงรักษา GWM PRO Service Inclusive (GPSI) 5 ครั้ง ภายใน 5 ปี หรือ 75,000 กิโลเมตร บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง และสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 125,000 บาท

นายสตีเว่น หวัง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย กล่าวว่า เกรท วอลล์ มอเตอร์ พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านยานยนต์ระดับโลก ด้วยเป้าหมายยอดขายรถยนต์ทั่วโลก 4 ล้านคัน ในปี 2568 ซึ่งมุ่งหวังให้เป็นสัดส่วนรถยนต์พลังงานใหม่กว่า 80% ดังนั้น การเปิดตัวโอร่า กู๊ด แคทในประเทศไทย จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ช่วยให้เข้าใกล้เป้าหมายนี้มากยิ่งขึ้น พร้อมตอกย้ำกลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการส่งมอบประสบการณ์ใหม่ในด้านการขับขี่อัจฉริยะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ทางด้าน นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า โอร่า กู๊ด แคท จะเป็นหนึ่งใน Smart Mobility Gadget ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความสะดวกสบายอย่างแท้จริง และจะเป็นเกม-ชาเลนจ์ ที่สำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและภูมิภาคอาเซียนในอนาคตได้อย่างแน่นอน โดยคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางอยู่เสมอ

ดังนั้นนอกจากการเปิดตัวรถไฟฟ้าไปแล้ว ยังได้มีการเตรียมความพร้อม ทางด้านการบริการด้านการขายและการบริการหลังการขายแบบ Online-To-Offline (O2O) รูปแบบใหม่ๆ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ทั้งการให้บริการติดตั้งที่ชาร์จไฟฟ้าที่บ้าน และแผนในการเปิดสถานีชาร์จสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของเราเองในประเทศไทยในเร็วๆ นี้

รวมไปถึงการให้ความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนในการผลักดันให้เกิดนโยบายและการสนับสนุนด้านต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดการสร้าง ecosystem ที่เอื้ออำนวยต่อการใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างมั่นใจ เพื่อให้คนไทยได้รับประโยชน์สูงสุดจากการหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตได้อย่างเต็มที่