เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงกรณีที่มีตัวแทนของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด เข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดว่า คดีสามารถถอนแจ้งความได้ ขณะที่ดีเอสไอยืนยันว่าเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ข้อเท็จจริง คือ ประเด็นการถอนแจ้งความเป็นสิทธิของพยาน แต่การถอนแจ้งความนั้น คดีมี 2 ประเภท ซึ่งคดีการฉ้อโกงประชาชน และคดีแชร์ลูกโซ่ ถือเป็นคดีอาญาแผ่นดิน แม้ถอนแจ้งความไปก็ไม่มีผลต่อสำนวนคดี เพราะคำให้การที่เคยได้ให้ไว้ก็จะถูกใช้ในสำนวนต่อไป คดีไม่ได้ระงับลง
ส่วนกรณีที่มีผู้เสียหายอ้างว่าที่เข้าแจ้งความเพราะมีความตื่นตระหนกจากการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนจะถือเป็นการแจ้งความเท็จหรือไม่นั้น พ.ต.ต.วรณัน เผยว่า เป็นประเด็นที่เรากังวลเหมือนกัน เพราะโดยหลักการที่พยานจะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนคือ เรื่องความสมัครใจ และมาให้การกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้แจ้งก่อนอยู่แล้วว่าการให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงย่อมมีโทษทางอาญา ดังนั้น การที่พยานจะกลับคำให้การก็ต้องมีเหตุผลที่จำเป็น หรือสำคัญจริง ๆ จะต้องอธิบายได้
สำหรับกรณีที่ผู้เสียหายหรือพยานของบริษัท ดิไอคอนฯ ให้สัมภาษณ์ว่าทางตำรวจมีการจดบันทึกประจำวัน ไม่ตรงกับคำให้การ หรือมีเป็นข้อความคล้ายลักษณะแพทเทิร์นเดียวกันนั้น ทางดีเอสไอได้มีการตรวจสอบหรือไม่ พ.ต.ต.วรณัน แจงว่า ประเด็นดังกล่าวยังไม่ได้มีการส่งมาที่ดีเอสไอแต่อย่างใด แต่เวลาที่ไปเล่าข้อเท็จจริงให้ตำรวจฟัง บางคนอาจพูดตามความเข้าใจของตัวเอง แต่ทางตำรวจจะร้อยเรียงข้อความให้ เพื่อให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงในรูปคดี ตนจึงเข้าใจว่าน่าจะเป็นลักษณะนี้มากกว่า ตำรวจอาจไม่ได้จดว่ารายใดพูดอย่างไร แต่เป็นเรื่องการเรียบเรียงถ้อยคำในสำนวนมากกว่า
“การสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และเราได้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการเรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีประเด็นในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษอีกแล้ว แต่เรากังวลในส่วนของตัวพยานว่าการให้การกลับไปกลับมาก็ไม่น่าจะดีนัก” พ.ต.ต.วรณัน ระบุปิดท้าย.