ตามที่ กกต.ประจำ อบจ.กาฬสินธุ์ เปิดรับสมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ หรือ ส.อบจ.ระหว่าง 23-27 ธ.ค.67 แทนชุดเดิมที่หมดวาระ ซึ่งกำหนดวันเลือกตั้ง 1 ก.พ.68 โดยไม่มีการเลือกตั้งนายก อบจ. เพราะ “ไข่มุก” เฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ.ยังอยู่ในวาระอีกหลายปี ขณะที่มีผู้สมัคร ส.อบจ.ใน 18 อำเภอ 30 เขต รวมจำนวน 61 คน เป็นชาย 51 คน หญิง 10 คน ในภาพรวมผู้สมัครส่วนใหญ่มี 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือเพื่อไทยและภูมิใจไทย ให้การสนับสนุน โดยมีพรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาชน จัดคนลงแข่งประปราย

เริ่มกันที่ อ.เมืองกาฬสินธุ์ 4 เขต เขต 1 ดูเหมือนจะแปลก แตกต่างจากทุกๆเขต “เพื่อไทยชนเพื่อไทย” เนื่องจากผู้สมัครทั้งหมด 3 คนล้วนสวมเสื้อ “เพื่อไทย” ทั้ง เอกกฤษณ์ สตาเขต เจ้าของตำแหน่งเดิม ต้องเจอทั้ง “สท.เนส” กานต์ ฆารไสว ที่ลาออกจาก สท.เมืองกาฬสินธุ์มาลงชิงชัย แถมป้ายหาเสียงยังขึ้นภาพ “สส.หมู” วิรัช พิมพะนิตย์ เด่นหราทั่วเมือง ขณะที่บิ๊กเซอร์ไพรส์ “เสี่ยบอม” ยสินธุ์ สุริยวนากุล สามี “ไข่มุก” เฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ.กาฬสินธุ์ “ลูกหม้อเพื่อไทย” โดดลงสมัครเป็นคนสุดท้าย และมีการขึ้นป้ายประกบกันทุกจุด จัดทีมเดินหาเสียงฝุ่นตลบแบบเอาจริงไม่ติงนัง คนที่นั่งปวดหัว “เอกกฤษณ์” คงต้องใส่เกียร์ถอย ยอมรับความพ่ายแพ้ เพราะคู่แข่งทั้ง 2 รายมาแรงเหลือเกิน

ส่วน อ.เมืองกาฬสินธุ์ เขต 2 “ป๋าเกรียง” เกรียงศักดิ์ พันโกฎิ ครองตำแหน่งมาหลายสมัย งานนี้คงต้องงัดกลยุทธ์ออกมาใช้อย่างสุดลิ่ม เพราะต้องมาเจอมวยกระดูกชิ้นใหญ่ “เสี่ยนุ” เจริญ พันดอน ผู้กว้างขวางในวงการไก่ชน เปิดตัวมานานหลายเดือน หวังแจ้งเกิดบนเส้นทางการเมืองท้องถิ่นให้จงได้ สวมเสื้อ “เพื่อไทย” ลุยหาเสียงอย่างมั่นใจ, อ.เมืองกาฬสินธุ์ เขต 3 พงษ์ พิมพะนิตย์ “เพื่อไทย” เข้าค่ายฝึกซ้อมข้ามเดือนข้ามปี ไฟต์นี้ขอแบกน้ำหนัก วัดพลังกำปั้นกับ เนาวรัตน์ คูสกุลรัตน์ เจ้าเก่าเก๋าเกม แบบสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น และเสียชื่อค่ายไมได้

ส่วน อ.เมืองเขต 4 ณัฐวัชต์ พิมพะนิตย์ น่าอิจฉา ยืนหนึ่งมาหลายสมัย ไร้คู่แข่ง อ.สมเด็จ มี 2 เขต ที่ฮือฮาคือเขต 1 เมื่อปรากฏโฉมหน้า บัณฑูร สุภัควณิช อดีต ผอ.สำนักงบประมาณงาน ที่ทำท่าจะอาสาลงสมัครเอง แต่นัยว่าเอกสารไม่ครบ สุดท้ายตัดสินใจให้ ศุภสิทธิ์ เฮงไพบูลย์ น้องชายหัวแก้วหัวแหวน ประภา เฮงไพบูลย์ สส.เขต 4 ภูมิใจไทยลงแข่ง ชน อนันต์ อรรคเศรษฐัง สายเพื่อไทยเจ้าของตำแหน่งหลายสมัย คงจะได้วัดศรัทธาพี่น้องเพื่อไทย ต้องป้อมสู้กับกระสุนดินดำอย่างถึงพริกถึงขิง โซนดงมูล อ.ห้วยเม็ก อ.หนองกุงศรี อ.ท่าคันโท จักรกฤษณ์ น้อยเสนา อ.ห้วยเม็ก เขต 2 รวมทั้งคนนามสกุลเดียวกับผู้แทน สุริยา ภูนวนทา หนองกุงศรี เขต 2 และเดชบดินทร์ พยุงแสนกุล อ.ท่าคันโท มาแบบแบเบอร์แบบไร้คู่แข่ง เพราะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า “พี่ใหญ่” จำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ เขต 3 “พลังประชารัฐ” กับ “บ้านใหญ่” คุมเกมอยู่ ปล่อยให้หญ้าแพรก อ.ห้วยเม็ก เขต 1 แหลกลาญ ปราการ อุตส่าห์ สจ.ฝีปากกล้า เจ้าของตำแหน่งคนล่าสุด แลกหมัดกับ อรรถพล โนนทนวงษ์ เจ้าของตำแหน่งเดิม ที่อกหักจากตำแหน่ง รอง นายก อบจ. ซึ่งหวนกลับมาทวงเก้าอี้

ส่วนอีกหลายเขตที่มีคนลงประกบชิงชัย ก็หน่อมแน้ม ไม่หนักใจ คงรักษาแชมป์ไว้ได้สบายเฉิบ อำเภอใหญ่ยางตลาด 4 เขต และ อ.ฆ้องชัย เจ้าของตำแหน่งเดิมหลบเป็นแถว ทั้ง จารุวรรณ พันเดช, สันติ ภูลายขาว และ อุทัย แก้วกล้า เมื่อ “เสี่ยบอล” พลากร พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ เขต 2 “เพื่อไทย” จัดเด็กในคาถาลงสมัครเต็มพื้นที่ โดยมีคนของพรรคพลังประชาชน และผู้สมัครอิสระ หน้าเก่า หน้าใหม่ ตบเท้าลงสมัครมากหน้าหลายตา อำเภอนามน เขต 3 ลงสมัคร 3 คน “สจ.วัน” อนันต์ จิตพันธ์ ยังแข็งแรง ทนกลิ่นหอมรัญจวนใจของการเมืองไม่ไหว ขอโอกาสกลับมาทวงเก้าอี้กับประหยัด พานิชย์ดี แชมป์เก่า โดยมีอุทิศ เพ็ชโรจน์ ขอแบ่งคะแนนด้วยคน ด้านโซนเหนือกลุ่มผู้ไทย อ.เขาวง อ.นาคู อำเภอเล็ก เขตเดียว มีผู้สมัครเขตละ 3 คน ส่วน อ.กุฉินารายณ์ 3 เขต เขต 3 อภิสิทธิ์ เอกบุตร สบายกว่าใครไร้คนลงแข่ง
ขณะที่เขต 1 เสนีย์ เอกบุตร และเขต 2 ภูมินทร์ ภูมิเขตร เจ้าของตำแหน่งเดิม ยังต้องลุ้นเหนื่อยหน่อย แต่หยั่งเสียงดูแล้ว กระแสยังดี ไม่มีแผ่ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่กำลังเข้าลู่วิ่งหาเสียง ของผู้สมัคร ส.อบจ.กาฬสินธุ์ ทั้ง 30 เขต ผู้สมัคร 61 คนดังกล่าว ที่คาดว่าจะดุดเดือดเข้มคลั่กที่สุด และแทบทุกสายตาต้องโฟกัสลุ้นระทึก คือ อ.เมืองกาฬสินธุ์ เขต 1 ที่มี เอกกฤษณ์ สตาเขต เจ้าของตำแหน่งเดิมขึ้นเวทีรักษาเข็มขัด แต่ต้องเจอกับด่านหินเสริมกำแพงเหล็ก ทั้ง “สท.เนส” กานต์ ฆารไสว “สายเทศบาล+เพื่อไทย” และ “เสี่ยบอม” ยสินธุ์ สุริยวนากุล สามี “ไข่มุก” เฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ.กาฬสินธุ์ เขตนี้จึงเปรียบเสมือนศึกสายเลือด หรือศึกในบ้าน “เพื่อไทย” ขนานแท้ ทุกสายตาจึงต้องโฟกัสมาที่เขตนี้ว่าใครจะเป็นหมู่หรือจ่า ในท่ามกลางความรู้สึก “รักพี่เสียดายน้อง” คงไม่ต้องวิเคราะห์เจาะลึกถึงเบื้องหลัง ว่ามีใครหนุนหลัง เพราะต่างก็มีดี มีความใฝ่ฝัน ที่จะเข้ามาเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน ในเวทีการเมืองท้องถิ่น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเสียงสวรรค์ของพี่น้องประชาชนจะตัดสินใจว่า จะให้ใครเป็นตัวแทน “พรรคเพื่อไทย” เขต 1 ในเวทีนี้ เพราะนี่คือการเมือง ขณะที่ อ.สมเด็จ เขต 1 ที่ “ภูมิใจไทย” หวังแจ้งเกิดบนเวทีการเมืองท้องถิ่น และวาดหวังที่จะปักธงรบในเขตย่านด้านนี้ ต่อไปในสนามใหญ่ จะเป็นไปได้แค่ไหน คงขึ้นอยู่กับพลัง “เจ้าถิ่น-เพื่อไทย” ว่าจะต้านทานพลังกระสุนดินดำได้หรือไม่ คงได้วัดกันที่ผลงานและคุณธรรม อย่างที่ กกต.ไม่ควรกะพริบตาเลยทีเดียว!