สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ว่า เมตา ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และวอตส์แอปป์ ยืนยันว่า การตัดสินใจของเจ้าของบริษัท คือ นายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก จะส่งผลกระทบต่อพนักงาน 5% จากที่มีอยู่ทั้งหมดทั่วโลกราว 72,400 คน ตามสถิติเมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว

ซักเคอร์เบิร์กกล่าวว่า การเลิกจ้างตามผลการปฏิบัติงาน มีจุดประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทมี “บุคลากรซึ่งมีความสามารถสูงสุด” และสามารถดึงดูดคนใหม่เข้ามาได้

การเลิกจ้างตามผลการปฏิบัติงาน เป็นแนวทางปฏิบัติทั่วไปของบริษัทใหญ่ ๆ ในสหรัฐ เช่นเดียวกับไมโครซอฟท์ ซึ่ง “บิสซิเนส อินไซเดอร์” รายงานว่า ไมโครซอฟท์ประกาศเลิกจ้างพนักงานในลักษณะเดียวกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ส่งผลกระทบต่อพนักงานไม่ถึง 1%

การเลิกจ้างของเมตาครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่สามในรอบ 3 ปี เกิดขึ้นท่ามกลางการวิเคราะห์ของหลายฝ่าย ว่าเป็นความพยายามปรับตัวของซักเคอร์เบิร์ก ให้สอดคล้องกับแนวคิดอนุรักษนิยมของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งสิ่งที่ซักเคอร์เบิร์กทำก่อนหน้านี้ รวมถึงการรับประทานอาหารค่ำร่วมกับทรัมป์ และการเสนอชื่อสมาชิกพรรครีพับลิกัน ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกิจการสาธารณะของเมตา

นอกจากนี้ เมตาประกาศยุติโปรแกรมตรวจสอบข้อเท็จจริงในอเมริกาเหนือ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวมักถูกวิจารณ์จากกลุ่มอนุรักษนิยมว่า เป็นการเซ็นเซอร์สื่อ.

เครดิตภาพ : AFP