กรณีชาวไร่อ้อยสุพรรณบุรีร้องขอความช่วยเหลือกับ นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี ในฐานะช่วยให้โรงงานน้ำตาลสุพรรณ เร่งหีบอ้อยไฟไหม้ที่ได้รับแจ้งคิวไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้มีรถค้างที่ลานมากกว่า 100 คัน สืบเนื่องจากนโยบายภาครัฐจะลดฝุ่น PM 2.5 จึงมีมาตรการให้โรงงานน้ำตาลปรับคิวหีบอ้อยไฟไหม้ได้ไม่เกิน 25% ต่อวัน ซึ่งปกติจะมีรถเข้าคิวประจำวันหีบประมาณ 50-55% เป็นเหตุให้มีรถเข้าคิวรอหีบค้างลานถึง 125 คัน ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาหีบถึง 4 วัน จึงจะหมด ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย เพราะเป็นเหตุให้น้ำหนักลดลง คุณภาพอ้อยลดลงและรายได้ลดลงตามไปด้วย
ชาวไร่อ้อยสุพรรณฯร้อง ‘ณัฐวุฒิ’ ช่วยให้โรงงานน้ำตาลเร่งหีบอ้อยไฟไหม้ที่ได้รับแจ้งคิวไว้แล้ว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ม.ค. นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี เขต 2 พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ได้นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุม402 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร ได้มีการประชุมพิจารณาเรื่องต่าง ๆ สรุปสาระสำคัญ คือพิจารณามาตรการควบคุมการดำเนินการเกี่ยวกับการหีบอ้อยของโรงงาน การตัดและส่งอ้อยให้แก่โรงงาน กรณีการกำหนดให้โรงงานรับอ้อยไฟไหม้ในสัดส่วนที่น้อยลง โดยเชิญสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และสมาคมส่งเสริมอาชีพการเกษตรสุพรรณบุรี เข้าร่วมประชุม โดยคณะกรรมาธิการได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือดำเนินการตรวจสอบอ้อยไฟไหม้ค้างลานทั้งหมด และเสนอให้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายพิจารณาเพื่อมีมติช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่มีอ้อยถูกเผาที่ค้างลานทั้งหมดโดยเร่งด่วน และแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบริหารส่วนท้องถิ่นทั้ง 29 เขต รับรองความถูกต้องของข้อมูลและดำเนินการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ ต้องไม่กระทบต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ฝุ่นละออง PM 2.5) หรือกระทบน้อยที่สุด และเป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ที่เกี่ยวข้อง

รวมทั้งควรพิจารณาทบทวนระเบียบหรือมาตรการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ ให้เหมาะในแต่ละพื้นที่ตามลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศที่แตกต่างกัน ทั้งนี้การออกระเบียบหรือมาตรการดังกล่าวควรมีการประกาศล่วงหน้า เพื่อให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยมีระยะเวลาในการปรับตัว ควรเร่งดำเนินการจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยตามมาตรการสร้างแรงจูงใจแก่ชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องควรมีการศึกษาและพัฒนาเครื่องมือในการตัดอ้อยสดให้เหมาะสมกับพื้นที่แปลงปลูกอ้อยเพื่อทดแทนการใช้แรงงาน พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหากรณีสาธารณรัฐประชาชนจีนระงับการนำเข้าน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสมจากไทย โดยเชิญสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กรมวิชาการเกษตร กรมศุลกากร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เข้าร่วมประชุม โดยคณะกรรมาธิการได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ควรประสานไปยังสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงปักกิ่ง เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขด้านสุขอนามัยที่ค่อนข้างแย่ ซึ่งไม่สอดคล้องกับกฎหมายของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่เกิดจากผลิตภัณฑ์อาหารประเภทน้ำตาลของไทยตามที่สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) กล่าวอ้าง
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ควรตรวจสอบโรงงานผลิตอาหารประเภทน้ำตาลที่ถูกระงับการส่งออกทุกโรงงาน เพื่อยืนยันมาตรฐานการผลิตและสร้างความเชื่อมั่นต่อสินค้าไทย พิจารณาศึกษาข้อมูลเบื้องต้นสำหรับการเดินทางไปศึกษาดูงานการตรวจสอบสินค้าเกษตร ณ ตลาดไท โดยเชิญกรมวิชาการเกษตร กรมศุลกากร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช เข้าร่วมประชุม ซึ่งคณะกรรมาธิการได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ดังนี้ ควรร่วมกับสถาบันการศึกษาในการศึกษาและพัฒนาระบบการตรวจสอบสารตกค้างอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ควรมีการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูล รวมถึงมีการตรวจสอบสารพิษตกค้างที่นำเข้าทั้งหมดทั้งกระบวนการ (One Stop Service) ณ หน้าด่านนำเข้า เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในการตรวจสอบ และป้องกันการปนเปื้อนสินค้าเกษตรออกสู่ตลาดและเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ควรมีการตรวจสอบสารพิษตกค้างในสินค้าเกษตรอย่างทั่วถึง ณ ตลาดกระจายสินค้า ควรสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ตรวจสอบสารตกค้างในห้องปฏิบัติการ (Lab) สามารถตรวจสอบสารตกค้างในสินค้าเกษตรได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่าการใช้บริการห้องปฏิบัติการเอกชน