เรียกได้ว่ากระแสคู่จิ้นมาแรงแซงทางโค้งอย่างมาก สำหรับ “แพรวพราว เสียงทอง” หมอลำซิ่งตัวแม่ และพระเอกลิเกหนุ่มสุดฮอต “ซัน วงศธร” ก่อนหน้านี้ที่มีงานแสดงคู่กันบ่อยครั้ง จนทำแฟนคลับ บรรดาพ่อยกแม่ยก ขอจิ้น ฟินความน่ารักของทั้งคู่กันเพียบ ซึ่งการแสดงของทั้งคู่ หวานฉ่ำเกินคาด จนเกิดคำถามอย่างมากมายว่า ทั้งคู่คือคู่จิ้น หรือ คู่จริง?

ล่าสุด หมอลำซิ่งตัวแม่อย่าง แพรวพราว แสงทอง ได้ควงลูกๆ น้องนาริตะกับน้องโตเกียว มาเปิดโมเมนต์สุดน่ารัก และบทบาทคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว พร้อมเคลียร์สถานะหัวใจที่บอกเลยว่ามีหนุ่มๆ มารุมจีบเพียบ อีกทั้งยังเคลียร์ข่าวสร้างกระแสคู่จิ้นข้ามวงการกับพระเอกลิเกชื่อดัง ซัน วงศธร งานนี้ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์จริงๆ จะเป็นยังไง จะเป็นแค่คู่จิ้นหรือขยับมาเป็นคู่จริงแล้ว ซึ่งเธอได้เปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง One31 โดยแพรวพราวเผยว่า

“ลูก 2 เราแบ่งเวลาคือ เราจะมีพี่สาวแท้ๆ เลี้ยงเป็นหลักเลย แพรวออกคอนเสิร์ตทั้งเดือน มีเวลาพักอาทิตย์ละ 1-2 วัน ก็จะแวะเวียนมาหาลูก แต่จะวิดีโอคอลกันทุกวัน วันละหลายรอบด้วย แต่เด็กๆ ก็เข้าใจค่ะ มันเกิดความเคยชิน แต่เขาก็เข้าใจ ตอนแพรวอุ้มท้องน้อง แพรวทำงานตลอด จน 9-10 เดือน ก็ยังทำงาน พอถึงเวลาก็บอกเขาว่าแม่ไปทำงานนะ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจ แต่เราพยายามทำความเข้าใจ แม่ทำงานหาเงินนะ หลังๆ มาคือบ๊ายบาย แม่สู้ๆ นะ ซึ่งนาริตะเขาก็เข้าใจเราค่ะ และลูกๆ แต่ละคนนิสัยจะไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ การเลี้ยงดูคือเลี้ยงง่ายทั้งสองคน แต่คนเล็กจะซนกว่า แต่ถ้าเรื่องห่วงแม่ นาริตะจะหวงมาก คือเมื่อก่อนมีเขาคนเดียว พอมีน้อง แล้วเราอุ้มน้อง เขาก็จะบอกว่าแม่อุ้มหนูบ้างสิ เวลาเราหอมน้อง เขาก็จะบอกว่าทำไมไม่หอมหนูด้วยล่ะ แต่ที่จริงเราหอมเขาก่อนนะ แต่เขาก็แบบไม่สิ ต้องเป็นฉันคนเดียว แต่เขารักน้องนะคะ แต่ด้วยความที่ว่าแต่ก่อนมีเขาคนเดียว ซึ่งเขาเป็นเด็กร่าเริงทั้งสองคนเลย คนพี่ว่าฉลาดแล้ว แต่คนน้องฉลาดมาก เราจะเปรียบเทียบแบบ คนนี้ตอนอายุเท่านี้เขาจะไม่ค่อยรู้จักศัพท์มากเท่าคนนี้ แต่คนนี้รู้จักหมดเลย คนพี่ฉลาดแต่ไม่สู้น้อง แต่เขาได้อย่างอื่น เขาจะชอบเต้น ชอบร้องมากกว่า ส่วนนาริตะเขาจะหวงแม่ บางทีอาจจะแกล้งน้องนิดๆ หน่อยๆ ไม่รุนแรง แต่คนนี้เขาก็เก่ง เขาก็สู้ของเขาเหมือนกัน ถามว่าลูกๆ มีแววเป็นศิลปินเหมือนคุณแม่ไหม ตอนนี้นาริตะมีแวว ชอบเต้นและแอคติ้งเขาได้ วันนั้นแพรวบอกว่าหนูเรามาถ่ายละครกันไหม ยังไงเหรอแม่ เอาแบบเป็นคอนเทนต์ เขาก็ทำตาม ซึ่งนาริตะขึ้นเวทีครั้งแรกตอนอายุยังไม่ถึงขวบเลย เขาเป็นคนที่กลัวคน ตื่นเวที แต่เหมือนใจรัก อยากขึ้นเวที แต่พอขึ้นไปกลัว แต่ก็อยากแต่งตัว อยากสวย แต่ทุกวันนี้ไม่กลัวแล้ว ส่วนคุณโตเกียวมีแววเป็นนักดนตรี เขาชอบเคาะจังหวะ แต่คนนี้เขาชอบหมอลำนะ แต่นาริตะมีความอินดี้วาไรตี้ แต่โตเกียวคือหมอลำแท้ๆ เลย ซึ่งเราเป็นคุณแม่ที่ไม่ตีลูก เราจะใช้การคุยมากกว่า เหมือนนาริตะเขาคุยรู้เรื่อง เราก็บอกมานี่เดี๋ยวแม่ขอเคลียร์หน่อย แม่ขอคุยหน่อยนะ เราก็พยายามเหมือนเล่านิทาน เล่าเหตุและผลให้เขาฟัง ว่ามันเป็นอย่างนี้นะ สมมุติเรื่องราวมันเป็นอย่างนี้ แล้วหนูต้องแบบนี้นะ

สำหรับตอนเล็กๆ ทั้งคู่มีภาวะแพ้ แพ้ผื่นเต็มหน้าเลยทั้งสองคน ไม่ถึงเดือนเขาจะมีผดแดงๆ ขึ้น คือเป็นทั้งสองเลย เป็นเพราะน้ำนมแม่หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่กินนมแม่ กินได้ไม่นานแล้วก็เปลี่ยนเป็นนมผง เราเดินทางบ่อยแล้วเราปั๊มนมไม่ตรงเวลา ถามว่าตอนนั้นจัดการยังไง หาหมอค่ะ ทายา เขาเป็นช่วงนึงแล้วก็หายไป คุณหมอบอกเด็กเป็นเยอะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ทางด้านโตเกียวเป็นโคลิกค่ะ ร้องไห้ 3 เดือน เวลา 3 ทุ่มถึงตี 5 เขาจะร้อง แล้วเราจะอุ้ม พอวางปุ๊บร้องเลย เราก็จะอุ้มอยู่อย่างนั้น อุ้ม โยก กลางวันคือหลับ เงียบ แต่พอกลางคืนเราเอาขึ้นนอน ถึงเวลาเอาเลย แม่ก็นั่งหลับไปโยกไป ซึ่งคนโบราณเขาบอกเหมือนผีมาเล่นด้วย แต่ถ้าทางวิทยาศาสตร์ก็ปวดท้อง แต่มันก็แปลก เพราะตามเวลาเป๊ะเลย ตี 5 คือเหนื่อยแล้วหลับ แม่ถึงได้นอน ส่วนนาริตะจะเป็นแค่ไม่กี่วัน แต่โตเกียวเป็นยาว 3 เดือน และตอนนี้นาริตะอยู่ในวัยเข้าเรียนแล้ว ซึ่งย้ายไปอยู่โรงเรียนนานาชาติ เขาปรับตัวเร็วมาก วันแรกที่ไปโรงเรียนไม่ร้องไห้เลย ตอนที่บอกเขาว่าจะย้ายโรงเรียน ตอนแรกรับไม่ได้ ร้องไห้ หนูไม่อยากย้าย หนูคิดถึงเพื่อน แต่พอแม่ให้เหตุผลทำไมต้องย้าย อยากให้หนูเก่ง อยากให้หนูได้ภาษาอังกฤษเยอะๆ พอย้ายวันแรก เราก็หวั่นกลัวเขาร้องไห้ สะพายกระเป๋าเดินบ๊ายบาย เขาเก่งมาก ไม่มีงอแง ไม่มีความรู้สึกว่าเขาอยากไปเลย แม่เมื่อไหร่จะเปิดเทอม ไปแล้วสนุก เราก็ดีใจที่ย้ายเขามา ไม่เสียกำลังใจที่คุณแม่ตั้งใจให้เขามาตรงนี้ ก่อนช่วงจะย้ายโรงเรียนมา ตอนนั้นมีประเด็นดราม่า แต่ไม่มีผลกับเด็กๆ เลยค่ะ ดูจากสภาพแวดล้อมแล้วไม่ได้มี ซึ่งแพรวกับพี่สาวค่อนข้างจะคุยกัน ให้เหตุผล

ตอนดราม่า นาริตะไม่มีมาถามอะไรเลยค่ะ มีแต่แบบแม่ในติ๊กต็อกเห็นคลิปแม่เยอะมากเลย กับใครเหรอลูก ไม่บอก ซึ่งเรามีกฎเหล็กนะ ทุกวันกลับมาต้องได้คำศัพท์อย่างน้อยวันละ 5 คำ ถ้าแพรวอยู่ด้วยจะมีคำศัพท์ให้ตลอด แต่ตอนนี้เริ่มวางแล้ว แพรวจะพรินต์คำศัพท์ไว้ให้เขาฝึกทุกวัน เราไปติดตามผลการเรียนของลูกว่าเป็นยังไง ครูก็บอกว่าน้องฉลาด น้องเก่ง แต่น้องยังไม่ได้คำศัพท์ บางคำน้องอยากพูด แต่นึกไม่ออกว่ามันต้องพูดยังไง เขาก็ให้ความร่วมมือดีเวลาให้ท่องคำศัพท์ และตอนนี้คนเล็กก็กำลังจะเข้าเรียน เดือนสิงหาคมนี่ จะครบ 2 ขวบ 2 เดือน จะให้เขาเรียนที่เดียวกัน เขาจะได้ดูแลน้องด้วย แต่ถ้าเขาโตมาสักระยะนึงค่อยให้เขาเลือกว่าจะไปทางไหน สำหรับอดีตสามีก็คุยกันเรื่องลูกค่ะ แค่นั้น ซึ่งเราทำหน้าที่แม่อย่างเต็มที่ ไม่กลัว ไม่หวั่นอะไรเลย อีกอย่างนึงญาติพี่ น้อง พี่สาวเราก็ให้ความรักกับเขาแบบเต็มที่อยู่แล้ว ถ้าคุณพ่อเขาว่างก็มารับไปเที่ยว เราบอกรักลูกบ่อยมาก บอกรักทุกวัน คิดถึง รักนะลูก แพรวจะบอกลูกตั้งแต่อยู่ในท้อง เหมือนจะคุยกับลูกว่าแม่รักหนูนะ แล้วตอนที่เขาเกิดมา เราไปเห็นคอมเมนต์นึงที่แฟนคลับเขาบอกว่าให้กระซิบที่ข้างหูลูกนะ หนูเป็นเด็กดีนะ แม่รักหนูนะลูก แล้วก็ทำอย่างนั้นตลอด

ส่วนเรื่องสถานะหัวใจตอนนี้โฟกัสเรื่องงานและเรื่องลูกมากกว่า คนทักทายเข้ามามันก็มีบ้าง แต่เรายังไม่ได้โฟกัสตรงนั้น อยากทำงานให้เต็มที่และให้เวลากับลูก เวลาให้ลูกก็ไม่ค่อยจะมี ทำงานเดินสายตลอด เวลาใครเข้ามาต้องให้ลูกเราดูก่อนไหม อันนี้ถูกต้องค่ะ อันนี้สมมุตินะคะ สักวันนึงถ้ามีใครเข้ามามันต้องผ่านด่านคนนั้นก่อน คนนี้ก่อน ตอนนี้ถือว่าปิดไหม ไม่ได้เปิดแล้วก็ไม่ได้ปิด ก็คุยได้ ส่วนกระแสคู่จิ้นแรงมากกับ น้องซัน คือเราเป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊กมาก่อน แล้วน้องเชิญเราไปรับเชิญลิเก ตอนแรกก็หวั่นว่าจะไปยังไง เราเป็นลำซิ่งแล้วไปร้องลิเก เขาบอกคุณพ่อ คุณแม่ชอบ เขาติดตามอยู่ เราก็เลยลองดู พอไปแล้ว ก็ตื่นเต้นนะคะ ไม่รู้เขาไปจิ้นกันตอนไหน มีภาพคู่ออกมา เหมือนเราเล่นลิเกแล้วมี fc ตัดคลิปมาลง ตอนที่เราร้องเพลงคู่กันบนเวที ทำไมดูแล้วเขิน ปกติเขาจิ้นคนวงการเดียวกัน แต่นี่ลิเกกับหมอลำ ซึ่งแพรวไม่เคยรู้จัก ไม่เคยไปนั่งดูลิเกเลย เราไม่เก่ง ไปฝึกหน้างาน แต่แม่เขาบอกว่าเอาเป็นสไตล์เราเลยลูก กระแสตอบรับดีเกินคาดมากๆ เพราะเราไม่คาดหวังเลย ไปเพราะรับปากไว้ ก็ไปให้มันเสร็จๆ เราไม่รู้ เราไม่มั่นใจอะไรเลย แต่พอกลับมา คลิปในติ๊กต็อกเริ่มมา เริ่มเห็นคอมเมนต์ เริ่มตั้งบ้านคู่ เราก็มองว่าขนาดนั้นเลยเหรอ เราไปอ่านคอมเมนต์ก็มีกำลังใจ กระแสดี ก็ตั้งแต่วันที่ไปเล่นลิเกด้วยกันครั้งแรก จนถึงวันนี้ ตอนนี้จะ 4 เดือนค่ะ 4 เดือน ก็หลายครั้งแล้วค่ะ เพราะว่าเราไปออกคอนเสิร์ตด้วยกัน หลังๆ มีงานคู่ แต่ที่หลายคนเห็นว่าหลังๆ ผู้ชายมาถึงที่บ้าน ครั้งแรกเขามาไลฟ์สด คือเขาจะให้ไปลิเก แต่เขาให้เราโปรโมตงาน แต่เราจะโปรโมตงานกันยังไง แพรวก็แนะนำว่าต้องไลฟ์สดแล้วปักหมุดขายกลุ่มปิด เป็นบัตรออนไลน์ เขาบอกไม่ค่อยไลฟ์เลย แพรวก็บอกไม่ได้ ถ้าจะทำออนไลน์คุณต้องไลฟ์แล้วทีนี้เขาก็มาที่บ้าน เพราะแพรวไปไหนไม่ได้ วันว่างจะอยู่กับลูก ฉันว่างวันนี้ เธอมาได้ไหมล่ะ ซึ่งเขาเจอเด็กๆ แล้ว เขาเล่นกับเด็กปกติ และเราทำงานด้วยกันมาหลายเดือนแล้ว แฟนคลับก็จิ้น น้องเขาน่ารักค่ะ ความสามารถเขาเยอะ แต่สำหรับแพรวมองว่าโฟกัสงานดีกว่า อนาคตเราไม่รู้หรอก ถ้าเราจะพูดอะไรยังไง แต่ ณ ตอนนี้เราโฟกัสที่งาน น้องเขามีความสุขกับการทำงาน แพรวก็มีความสุขกับการทำงาน ตอนนี้เป็นเพื่อนร่วมงาน แต่อนาคตจะเปลี่ยนแปลงยังไงเราก็บอกไม่ได้ มันเป็นเรื่องของอนาคต สำหรับเรื่องของที่มีบางคอมเมนต์บอกว่าทำไมเวลาร้องเพลง ถึงร้องไม่เต็มเสียง คือเราออกงานทุกวัน บางทีมันจะมีเสียงแหบบ้าง เสียงแห้งบ้าง แต่ไม่ถึงกับเข้าโรงพยาบาล ถ้าใครติดตามศิลปิน บางคนถึงกับหาหมอ มันก็มีบ้าง เพราะว่าเสียงเราใช้ทุกวัน บางงานอาจจะมีเสียงแหบแห้ง อาจจะไม่เต็ม เพราะฉะนั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดา คนที่คอมเมนต์แพรวก็ปล่อยผ่านไป”



ขอขอบคุณภาพประกอบจาก แพรวพราว แสงทอง – นาริตะโตเกียว