สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่า นายมาร์ก ทอมป์สัน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของซีเอ็นเอ็น กล่าวว่า การประกาศครั้งนี้หมายถึงโอกาสในการทำงานใหม่ ๆ ที่ซีเอ็นเอ็น แต่ในอีกทางหนึ่งหมายถึง การสูญเสียเพื่อนร่วมงานที่มีค่าหลายคน โดยเขายืนยันว่า การเลิกจ้างครั้งนี้จะกระทบกับพนักงาน 6%
อย่างไรก็ตาม จำนวนพนักงานของซีเอ็นเอ็นทั้งหมด จะไม่ลดลงมากในปีนี้ เนื่องจากเพิ่งมีการลงทุนอีก 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,366 ล้านบาท) สำหรับแผนดิจิทัล และพนักงานใหม่จะต้องช่วยกันหารายได้มาทดแทน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าการปรับโครงสร้างใหม่ จะดำเนินตามรูปแบบสื่อกระแสหลักเจ้าอื่นหรือไม่ แต่ผู้สื่อข่าวและบรรณาธิการที่มีประสบการณ์ ซึ่งได้รับเงินเดือนสูงกว่าจะถูกเลิกจ้าง เพื่อเปิดทางให้กับพนักงานอายุน้อยกว่า และบริษัทจ้างด้วยค่าตอบแทนที่ต่ำกว่า ให้มาทำงานในโปรเจกต์ดิจิทัล
CNN to Slash 200 Jobs, Launch New Streaming Service in Post-Election Restructuringhttps://t.co/hUy151JBzf
— TheWrap (@TheWrap) January 23, 2025
เมื่อเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว ซีเอ็นเอ็นประกาศเลิกจ้างพนักงานประมาณ 100 คน พร้อมทั้งเปิดเผยแผนสร้างบริการดิจิทัลแบบชำระเงินบนเว็บไซต์เพื่อเสริมเนื้อหาที่มีอยู่ และทอมป์สันประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เปิดตัวผลิตภัณฑ์สตรีมมิ่งแบบชำระเงินรูปแบบใหม่ในอนาคต แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติม
อนึ่ง ซีเอ็นเอ็นเคยเปิดตัวบริการสตรีมมิ่ง “ซีเอ็นเอ็น+” (CNN+) เมื่อปี 2565 แต่ก็ต้องปิดตัวภายในอีกเพียงเดือนเดียวนับจากนั้น ท่ามกลางการควบรวมกิจการของวาร์เนอร์มีเดียและดิสคัฟเวอรี ซึ่งเป็นสองสื่อกระแสหลักยักษ์ใหญ่
มากไปกว่านั้น ซีเอ็นเอ็นยังเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือด รวมถึงการถูกแซงหน้าโดยสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ (Fox News) ซึ่งเป็นช่องโปรดของฝ่ายอนุรักษนิยม และเอ็มเอสเอ็มบีซี (MSNBC) ที่วางตัวเป็นแนวหน้าของฝ่ายเสรีนิยม ในการต่อต้านและวิจารณ์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐคนปัจจุบัน และพรรครีพับลิกัน.
เครดิตภาพ : AFP