เป็นอีกหนึ่งคู่ที่กว่าจะมีวันนี้ต้องฝ่ามรสุมชีวิตมานับไม่ถ้วน สำหรับ “ตุ้ม ปริญญา” นักมวยสาวสวยในตำนาน ที่ล่าสุดควงแขนแฟนหนุ่มรุ่นน้องคู่รักนักมวย “เก่ง อภิสิทธิ์” มาเปิดย้อนเส้นทางความรัก 13 ปี กับบทพิสูจน์รักแท้ หลังฝ่ายชายป่วยหนักเฉียดตายหวิดพิการเดินไม่ได้ตลอดชีวิต นอยด์หนักกลัวถูกทิ้ง! พร้อมเผยแพลนในอนาคตคิดจะจดทะเบียนสมรสหรือไม่ ในรายการคุยแซ่บShow ทางช่อง One31

ตุ้มเผยว่า “สำหรับสมรสเท่าเทียมบังคับใช้แล้ว เราสองคนก็ต้องยินดีก่อนกับคนที่รอคอยมานานและคู่ที่ไปจด ส่วนเราจดไม่จดเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งคู่เราเส้นทางความรักเดินทางมา 13 ปีแล้ว สำหรับแพลนจดทะเบียนสมรสก็เหมือนที่ตุ้มบอกว่าให้มันเป็นเรื่องของอนาคต ถ้าจำเป็นต้องจดก็จด ถ้ามันไม่จำเป็นอยู่กันแบบนี้มันก็มีความสุขแล้ว เพราะรู้จักกันมา 13 ปี แต่ย้อนไปมีการเจอกันมากกว่านั้น คือ 13 ปีนี่เริ่มคบกัน แต่รู้จักกันน่าจะ 20 ปีได้ ที่ค่ายแฟร์เท็กซ์ เพราะเราสองคนเป็นนักมวยอยู่ในค่ายแฟร์เท็กซ์ เห็นเขามาตั้งแต่เด็กๆ แต่ตอนนั้นเหมือนเป็นมวยนอกสายตา ไม่ได้มอง เวลาเขาจะไปโรงเรียน ก็จะเดินมา เอื้อยหวัดดีครับ เอื้อยภาษาอีสานแปลว่าพี่ ตอนนั้นเขาเด็กมากนะ ตัวเท่าแข้งเท่าขาเอง คือตุ้มตัวใหญ่แล้วเขาก็ตัวเล็ก ตอนนี้เขาก็ยังโตไม่ทันตุ้มอยู่ดี จุดเปลี่ยนที่กลายมาเป็นคู่รักกันคือ ตอนนั้นตุ้มกลับมาชกมวยอีกครั้ง เขาก็โตเป็นหนุ่มแล้ว แต่ตั้งแต่เล็กจนโต เขาก็จะชมอยู่ตลอดเวลา คือมันเหมือนความผูกพัน เพราะว่าเราซ้อมมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก แล้วตอนที่ตุ้มกลับมาชกมวยอีกครั้ง บังเอิญค่ายแฟร์เท็กซ์ย้ายนักมวยไปที่พัทยา ที่ค่ายแฟร์เท็กซ์บางพลีจะเหลือแค่เก่งกับนักมวยรุ่นน้องอีกคนหนึ่ง แต่ตุ้มสนิทกับเก่ง เพราะฉะนั้นตุ้มก็ไม่มีคู่ซ้อม ก็ต้องซ้อมกับเขาโดยปริยาย ตื่นเช้ามาเขาก็จะมาเคาะห้อง พาไปวิ่ง บางวันหน้าฝนฝนตก เราก็ต้องไปหลบฝนใต้สะพาน ซึ่งเขาเอาใจทุกอย่าง เป็นคู่ซ้อม ซ้อมมวยเสร็จพาไปกินข้าว อยากได้อะไรเขาก็พาไปซื้อพาไปช้อป ก็เริ่มชอบตั้งแต่เป็นคู่ซ้อมกันนั่นแหละ แล้วอายุตุ้ม 43 เขา 30 ห่างกัน 13 ปี ซึ่งช่วงแรกๆ ก็ต้องมีปัญหาอยู่แล้ว ตุ้มว่าทุกคู่พอคบกันใหม่ๆ แรกอาจจะมีความสุข อาจจะหวาน แต่พอเริ่มอยู่ด้วยกันมันก็จะมีบ้างที่เราอาจจะต้องปรับตัวอะไรหลายๆ อย่าง ด้วยความที่เขายังเด็ก ก่อนหน้านี้เขาไปโรงเรียนก็มีเด็กมาติดบ้าง เป็นนักมวยไง ด้วยความกำยำ กล้ามเนื้อกำลังแน่น ก็ต้องมีบ้างที่คนมาติด ถ้าถามว่าเขานอกลู่นอกทางไปนานมั้ยกว่าจะกลับมา ก็พักหนึ่งนะ จนตุ้มก็ท้อ ก็เลยตัดเลย บล็อกเฟซ บล็อกเบอร์ บล็อกไลน์ ไม่ไหวแล้ว ถ้าอยู่แล้วทุกข์มากกว่าสุขก็ตัดดีกว่า ซึ่งเขาก็มาง้อ เราก็ให้โอกาสอีกครั้งเดียว เขาก็เริ่มตัดผู้หญิงทีละคนๆ ออกไป ด้วยอายุที่ห่างกัน ถามว่ามีคนแซวมั้ยว่ากินเด็กนะ ตุ้มก็จะบอกว่าไม่จริง เด็กกินตุ้ม เด็กปีนเกลียว เรามวยรุ่นพี่จะให้เด็กมาสอนมวยรุ่นพี่ได้ยังไง เด็กเมื่อวานซืน

ซึ่งก็มีเสียงเมาท์อีกว่า เก่งจะเข้าไปหลอก ปอกลอกเรา เพราะตอนนั้นเราค่อนข้างมีชื่อเสียง คำนี้แม่ตุ้มเป็นคนพูดกับตุ้มเอง ตอนแรกๆที่เราคบกัน ทางครอบครัวเขาก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ ทางคุณพ่อ เขาก็อยากให้ลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์มีลูก ส่วนทางแม่ตุ้มมองมันยังเด็กอยู่ เดี๋ยววันหนึ่งมันก็ต้องไปมีลูกไปมีเมีย เราก็มาคุยกันสองคน ว่ามันเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน เราสองคนจะรู้กันเองดีที่สุดลองพิสูจน์ดูมั้ย เอาความสำเร็จชนะใจของครอบครัวทั้งสองฝ่าย เราก็เริ่มสร้างตัวทำให้ทางครอบครัวเขาเห็น ครอบครัวตุ้มเห็นว่าขณะที่เราอยู่ด้วยกัน ไม่เคยนอกลู่นอกทางนะ เราเป็นนักมวยด้วยกัน เรามีแต่พากันซ้อมให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แล้วก็ค่อยๆ สร้างเนื้อสร้างตัว แล้วช่วงนั้นเราก็โดนโกงด้วย คนมองว่าเขาอาจจะมาหลอกตุ้ม ไม่มีอะไรให้หลอกค่ะ โดนโกงไปหมดเนื้อหมดตัวเลย คนเราพอเวลามันตก มันเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ พ่อก็ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ด้วยความที่เราเป็นลูก ทนไม่ได้หรอกที่ต้องทนเห็นพ่อไปนอนรวมกับคนอื่น ห้อง VIP ตลอด ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่สู้ แต่มะเร็งเงินเท่าไหร่ก็หมด คุณพ่อเป็นมะเร็งด้วย โดนโกงด้วย ถึงขั้นล้มละลาย เพื่อนเข้ามาในวินาทีนั้นเราก็ต้องการเงิน ต้องการอยากจะทำธุรกิจก็ลงทุนทำธุรกิจด้วยกันโกงเราอีก เพื่อนโกงเราหลายล้าน เฉพาะค่ารักษาพยาบาลก็หมดบัญชีแล้ว แล้วก็โดนผู้ใหญ่คนที่เราไว้เนื้อเชื่อใจเขา ที่เราเรียกเขาว่าป้า โดนโกงที่ดินอีก เขาแจ้งความว่าตุ้มยักยอกทรัพย์เขาอีก ตอนนั้นสู้ด้วยการที่ศาล ก็ถามว่าจะแต่งตั้งทนายเองมั้ยหรือว่าให้ศาล งั้นก็แล้วแต่ศาล ก็ใช้ทนายอาสา เพราะเราคิดว่าเราจะใช้ความบริสุทธิ์ของเรานี่แหละสู้ขึ้นศาล แล้วก็ช่วยเหลือตัวเองขึ้นศาล แล้วก็ช่วยกับทนายด้วย แล้วก็ชนะมา ผลสุดท้ายก็ต้องกลับมาค่ายมวย เพื่อที่จะมาชกมวยอีกครั้ง แล้วก็กลับมาเจอเขา ตอนที่โดนโกง เพื่อนที่มาชวนทำธุรกิจ รถตัวเองเพื่อนก็ให้เอาไปขาย เพื่อที่จะเอาเงินไปลงทุน กลับมาก็ไม่มีรถเลย ไม่มีอะไร เขาถามเอื้อยรถเจ้าไปไส ไม่มีแล้วนะ โดนเพื่อนหลอกขายไปแล้ว ทำไมถึงยอมคนขนาดนี้ แล้วเพื่อนก็เอารถของเพื่อนมาให้พี่ตุ้มใช้เลย เป็นเหตุที่มาของการถูกแจ้งความว่าเราขโมยรถ พอตุ้มชนะแล้วคนก็บอกว่าอย่ายอมนะ แต่ไม่เป็นไรปล่อยเขาไป แทนที่ตุ้มจะไปแจ้งกลับ มันเสียเวลา เราเอาเวลาไปทำมาหากินดีกว่า ถามว่าเราชนะคดีเราได้เงินที่เราถูกเพื่อนโกงไปเราได้คืนมั้ย คือมันก็หมดไปไงคะ เพราะเขาก็ไม่มี บนชั้นศาลทำให้ศาลเห็นแล้วว่า ขณะที่เขาเข้ามาหาเราเอง เขาจงใจที่จะมาปอกลอกเราอยู่แล้ว ตุ้มอยู่ค่ายของตุ้ม อยู่ที่ของตุ้มดีๆ แต่เขาเข้ามา ซึ่งเราอยากแสดงให้เห็นว่าฉันไม่ผิด ฉันโดนโกง แต่ก็ไม่ได้อะไรคืนมา ลูกเขาก็ตัวเล็กๆ แล้วเขาเป็นผู้หญิงด้วย ตุ้มเป็นนักมวยก็จริง แต่ตุ้มไม่ทำร้ายผู้หญิงนะ นอกจากบนเวทีที่ผู้หญิงมาท้าชกแล้วทนไม่ไหวจริงๆ ด้วยศักดิ์ศรีที่เราจะต้องไปชกตามที่เห็นอย่างมวยปล้ำ อันนั้นตุ้มถึงจะทำ แต่ข้างล่างเวทีไม่เคย

สำหรับคู่เราผ่านอะไรมาเยอะมากจริงๆ เริ่มแรกตุ้มป่วยก่อน คือไปทำงานที่ฟิลิปปินส์แล้วก็ไปปวดท้อง เพิ่งมารู้ทีหลังว่าปวดไส้ติ่งกำลังจะแตก แต่เขาไปเอายาเหมือนยาธาตุน้ำขาวมาให้กิน แล้วก็เอาหมอมาเฝ้าที่โรงแรม ตุ้มก็บอกว่าต้องขอกลับก่อนเพราะเรื่องภาษาอะไรด้วย นอนปวดหนักมากจนไม่รู้จะทำยังไง ถอดเอาพระที่ห้อยอยู่เอามาอธิษฐานว่าหลวงพ่อถ้าหนูจะเป็นอะไร กลับไปเป็นที่บ้านเรานะ ซึ่งทนอยู่ 2 วันนะ ยังไปสอนมวยที่ฟิลิปปินส์อยู่ ตอนนั้นที่ฟิลิปปินส์เขาวินิจฉัยว่าปวดท้องปกติธรรมดาทั่วไป แต่พอกลับมาเมืองไทยมาแตกที่เมืองไทยจริงๆ คืนนั้นอยู่ด้วยกันตุ้มลุกไปเข้าห้องน้ำพอจะล้มตัวลงนอนข้างในรู้สึกมันตึ้บ เหมือนลมปราณมันแตกซ่านยังไงไม่รู้ มันชาออกมือ ชาลงเท้า มือหงิก เท้าหงิก ตะคริวกินหมด ปากเขียว ก็เรียกรถฉุกเฉินมา มันเจ็บเกินที่นักมวยจะทนไม่เคยเจ็บแบบนี้มาก่อน แล้วทางเก่งก็ป่วยหนัก ตุ้มกลัวเขาจะเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต เพราะเขาบอกว่าเขาชาจากหลังลงมาถึงปลายเท้า แต่ให้กำลังใจว่าสู้นะไม่เป็นไรหรอก เราเป็นนักกีฬา เธอยังเด็กเดี๋ยวก็หาย แล้วเชื่อมั้ยว่า หลังยังไม่ทันหาย ปวดท้องอีก ไส้ติ่งมาต่อการรักษาคือลำบากมาก หมอยังบ่นเลยว่าลำบากตรงข้างหลัง เอากระเป๋าน้ำร้อนไปประคบด้วยความที่มันชามันไม่รู้สึกอะไรเลยจนมันพุพอง หมอบอกว่าแล้ว กายภาพจะเอาเครื่องจี้ไปได้ไงมันก็เจ็บ ซึ่งตอนนั้นเราไม่เคยคิดที่จะเดินออกไปจากชีวิตเขา ตุ้มเป็นคนที่ถ้าคิดจะรักใครหรือคบใครแล้ว ตุ้มจะหยุดอยู่ที่คนเดียวก็ให้สัญญาเขาว่าไม่ทิ้งไปไหนหรอก ฉันก็ต้องไปทำงานนะ ต้องช่วยตัวเองก่อน ต้องเข็มแข็ง ฉันเข้มแข็งแต่ใจเธอก็ต้องเข้มแข็งด้วย เราสู้กันมาขนาดนี้ ผ่านลำบากผ่านร้อนผ่านหนาวคือผ่านจริงๆ สู้ไปด้วยกันอีกเนาะ”

เก่ง เผยว่า “สำหรับเรื่องจดทะเบียนสมรสของเราก็แล้วแต่เมียเลยครับ รู้จักกันมา 13 ปี แต่ย้อนไปมีการเจอกันมากกว่านั้น ซึ่งตอนเจอเขาก็ประมาณ 12 ขวบ ซึ่งผมมองเขาเป็นไอดอล นักมวยรุ่นพี่ที่เก่ง ชอบ ชื่นชมเขา จุดเปลี่ยนที่กลายมาเป็นคู่รักกัน ตั้งแต่เล็กจนโตผมก็จะชมอยู่ตลอดเวลาว่า เอื้อยคืองามแท้ พี่เขาสวย เราก็ต้องชม ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไรยังเด็กอยู่ ส่วนใครจีบใครก่อน ต้องเป็นผมล่ะครับ ช่วงนั้นเราชมเขาไม่ได้คิดอะไร พักหลังเริ่มชอบแล้ว เริ่มอยากรู้จักมากขึ้น อยากทำความรู้จักกับพี่เขา คุยกับพี่เขามากขึ้น คือมันเป็นความผูกพันครับ ผมเคยนอกลู่นอกทาง พอคิดได้ก็โทรฯ มาง้อ ร้องไห้ ตามมาง้อเขาขอคืนดี ซึ่งวิธีการง้อคือหาทุกวิถีทาง หาเบอร์โทรฯ โทรฯ ไปหาพี่สาวเขา ขอคุยกับเขา ช่วงนั้นเราซ้อมมวยด้วย เราก็ต้องหาวิธีที่จะเข้าหาเขาให้ได้ จนเหมือนเขาน่าจะใจอ่อน ผมโทรฯ แล้วโทรฯ อีก ตอนที่เขาให้โอกาสเราก็ดีใจครับ ดีใจมาก ตั้งแต่นั้นมา เราก็เปลี่ยน พิสูจน์ว่าเราทำได้ ซื่อสัตย์กับเขา ซึ่งพี่ตุ้มเขาเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่เที่ยวกลางคืน ทำแต่งาน ถึงเวลาก็มาดูแลเอาใจใส่ให้กำลังใจเรา ผมรักเขา ชอบเขาครับ

ซึ่งคู่เราผ่านอะไรมาเยอะ ตอนนั้นพี่ตุ้มก็ป่วย เก่งก็ป่วยด้วยเหมือนกัน หนักด้วย เพราะเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้น เป็นช่วงหลังล่าง หนักถึงขั้นนอนติดเตียงอยู่เหมือนกัน ไม่กล้าพลิกตัว ไม่กล้าลุกไปไหน นอนทรมานร้องไห้ จะนั่งก็ไม่ค่อยได้ กินปุ๊บก็ต้องนอนพักก่อนแล้วค่อยลุกขึ้นมาใหม่ ถ้าเดินต้องมีคนช่วยพยุง แล้วเราก็จะใส่ที่บล็อกหลัง ทรมานมาก ตอนนั้นนอยด์มากเลย รู้สึกเศร้าทุกครั้งที่เห็นพี่ตุ้มเดินออกจากบ้าน เราก็กลัวเขาทิ้งเรา เพราะเราทำอะไรไม่ได้ เราเหมือนนอนติดเตียง เราก็กลัวเราไปเป็นภาระเขา ช่วงนั้นมันก็กังวลคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย จิตก็ตก ร้องไห้ เพราะเราช่วยอะไรเขาไม่ได้เลยตอนนั้น ส่วนความในใจอยากจะบอกพี่เขาคือ เชื่อเมียแล้วเจริญครับ ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ผมก็จะซื่อสัตย์ รักเธอทุกวัน”