สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ว่านายพีต เฮกเซธ สาบานตนต่อรองประธานาธิบดีเจ.ดี. แวนซ์ รับตำแหน่ง รมว.กลาโหมคนที่ 29 ของสหรัฐ


ทั้งนี้ เฮกเซธซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ ผ่านสมรภูมิในอัฟกานิสถานและอิรัก ก่อนผันตัวมาทำงานด้านสื่อสารมวลชน โดยเป็นผู้ดำเนินรายการของ “ฟ็อกซ์ นิวส์” กล่าวหลังเสร็จสิ้นพิธีสาบานตน ให้คำมั่น “ฟื้นฟูจิตวิญญาณของความเป็นนักรบ การฟื้นฟูกองทัพ และการยับยั้งการใช้อำนาจของศัตรู”


ขณะเดียวกัน เฮกเซธกล่าวว่า “สหรัฐไม่ต้องการสงคราม และต้องป้องกันไม่ให้มีสงครามเกิดขึ้น” หนึ่งในภารกิจของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ คือ “การยุติสงครามด้วยความรับผิดชอบ” อย่างไรก็ตาม “หากจำเป็นต้องรบ สหรัฐพร้อมใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด” เพื่อเอาชนะศัตรู


นอกจากนี้ เฮกเซธยืนยัน ว่าจะทำให้กองทัพสหรัฐยังคงเป็น “กองทัพยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” และกล่าวถึง “การยับยั้งความก้าวร้าวของจีน” ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า รัฐบาลวอชิงตันจะอยู่เคียงข้างพันธมิตร


อนึ่ง วุฒิสภาสหรัฐมีมติเฉียดฉิว 51 ต่อ 50 เสียง รับรองเฮกเซธเป็นรมว.กลาโหม โดยแวนซ์ต้องใช้สิทธิในฐานะประธานวุฒิสภาเพื่อตัดสินชี้ขาด


มีการวิเคราะห์ว่า การที่คะแนนรับรองเฮกเซธออกมาอย่างเฉียดฉิวขนาดนี้ สะท้อนความไม่เชื่อมั่นและความกังวลของหลายฝ่าย ที่มีต่อคุณสมบัติของเฮกเซธ ซึ่งเจ้าตัวไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการเมือง และไม่เคยบริหารองค์กรขนาดใหญ่ ขณะที่กองทัพสหรัฐมีบุคลากรทั้งทหารและพลเรือน รวมกันมากกว่า 3 ล้านคน


ขณะเดียวกัน ยังมีเรื่องของสงครามในยูเครน สงครามในฉนวนกาซา ความขัดแย้งกับจีน และสถานการณ์ด้านความมั่นคงตามแนวชายแดนทางใต้ของสหรัฐ นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเกี่ยวกับความรู้รอบตัว ซึ่งการที่เฮกเซธยอมรับว่า ไม่รู้จักสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)


ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับภูมิหลังของเฮกเซธ ทั้งทัศนคติต่อผู้หญิง และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ฝ่ายสนับสนุนเชื่อมั่นว่า การที่เฮกเซธเคยผ่านสมรภูมิทั้งในอิรักและอัฟกานิสถาน คือการทำให้เฮกเซธ “มีความเข้าใจ” กับเรื่องภายในกระทรวงกลาโหม.

เครดิตภาพ : AFP