นับเป็นอีกหนึ่งคนที่เป็นที่รู้จักในวงการบันเทิง สำหรับ “หยวน กวินรัฏฐ์” หรือ “นิธิชัย ยศอมรสุนทร” นักแสดงกล้ามโต อดีตสมาชิกวงดราก้อน ไฟว์ ที่ช่วงนี้ดูเหมือนจะห่างหายจากหน้าจอไปสักระยะหนึ่ง ซึ่งล่าสุดในงาน Draft Day รายการ Street Bask 3X3 หนุ่มหยวน ได้อัปเดตอาการป่วยและสุขภาพของคุณแม่ พร้อมทั้งเผยถึงช่วงโควิดที่ทำให้ตนได้เป็นโรคซึมเศร้า

หยวน เผยว่า “ตอนนี้เหมือนหยวนเป็นคนป้ายยา แล้วจะไปหาของคุ้มคุ้มแล้วก็แนะนำ เพราะว่าเราไปศึกษามาอย่างละเอียด และใช้ชีวิตอยู่กับคุณหมอหลายทาง ก็เลยเหมือนกับว่าไลฟ์สไตล์ชีวิตก็เจออะไรมาดี แล้วก็ไปหาข้อมูลมาอย่างละเอียดแล้วก็นำมาบอกต่อ ซึ่งเราก็ทำเป็นช่อง YouTube ขึ้นมาเพื่อที่จะเอาเรื่องราวดีดีและเกี่ยวกับเรื่องของการแพทย์เข้ามา อย่างเครื่องฟอกอากาศ เราก็ไม่รู้ว่าที่ซื้อกันอยู่มันโกงได้ขนาดไหน หยอดเองเคยทำโครงการซื้อเครื่องฟอกอากาศถวายพระภิกษุ เราก็เลยไปศึกษาให้ละเอียดว่าไส้กรองมัน มันกองได้ 0.3 0.1 แต่ถ้าตัวนี้ราคาไม่แพงอาจจะกรได้ 0.003 มันจะกองเชื้อราเชื้อไวรัสเชื้อแบคทีเรียพวกฝุ่นขนสัตว์ในอากาศไปเลย ซึ่งเราก็จะไปศึกษาเรื่องพวกนี้มา คือให้ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราอยากทำเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ คือคุณแม่ เพราะทุกวันนี้เวลาเราทำงานหลายไลฟ์สไตล์ คือทำไมเราต้องตื่นตีสี่ไปออกกำลังกายเพราะว่าต้องทำอาหารให้คุณแม่ดูแลคุณแม่ เสร็จแล้วก็ไปทำงาน ทำงานเสร็จก็จะกลับมาดูแลแม่ในตอนเย็น ก็จะเป็นอย่างนี้ทุกวัน เพราะคุณแม่อายุเยอะมีโรคประจำตัวปุ๊บ รายละเอียดเราก็จะเยอะขึ้น คือเราก็รับงานแหละแต่เราก็จะต้องคัดงานอาจจะต้องลำบากหน่อย อย่างพวกละครเราก็จะต้องบอกเขา อย่างบางทีเราไปทำงานเมืองนอกก็ต้องหาคนมาดูแลคุณแม่แทน

“พอเรามาดูแลคุณแม่งานในวงการบันเทิงก็ลดลงประมาณ 99% หมายถึงว่างานในปัจจุบันเรื่องของละคร คือก่อนหน้านี้หยวนเคยเล่นซีรีย์ ล่าล้างเมือง ก็คือออนแอร์ใน Netflix หลังจากนั้นจะมีละครกับทางช่องสาม ก็ยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้ออนและกำลังจะออนซึ่งการทำละครมันยากมากและเห็นว่าผู้ใหญ่ที่เราเคารพรักเหมือนกับเรื่องเฟดลง ซึ่งในประเทศไทยหยวนก็ศึกษา ซึ่งตอนนี้ก็กำลังจะทำธุรกิจหลายหลายทาง แล้วก็ศึกษาว่าวงการบันเทิงบ้านเรา จริงๆมันยังมีอะไรที่ยังไม่ซัคเซส ที่มันยังสามารถที่จะโตได้อย่างพวกวาไรตี้ก็น่าจะเป็นเทรนด์ และก็ยังละครประเทศไทยได้เป็นทัพใหญ่ในเรื่องของซีรีย์วายทั้งชายชายและหญิงหญิงเลย ก็กลายเป็นว่าช่องหลักๆก็จะยากแล้วมันต้องออนคู่ขนานช่องดิจิตอลและก็ต้องไปออนในแอพพลิเคชั่นด้วย ถ้าย้อนกลับไปอย่างที่บอกว่างานบันเทิงลดลงไป 99% สำหรับงานแสดงของเรา เรานี่หนักเลย ถ้าถามตัวหยวนเองหยวนเคยเป็นซึมเศร้าเลย แต่ว่าโรคซึมเศร้าของหยวนมันเหมือนกับว่า เหมือนทำงานในวงการบันเทิงคืออย่างงานแสดงมันเหมือนเป็นลมหายใจเหมือนยารักษาโลกของหยวน รักมาก คือถ้าหยวนไม่มีการแสดงละครหยวนยังมีช่องทางอื่นๆ หยวนก็จะเอาความสามารถทางด้านนี้ไปลง อย่างเช่นพิธีกรต่างๆ ซึ่งเราก็กำลังจะขึ้นช่องทำรายการหนึ่งขึ้นมา ซึ่งเรารู้สึกว่า คอนเซ็ปต์นี้มันดีมากๆ มันจะเป็นรายการที่ไปเปิดมุมมองชีวิตคน คือมันเจ๋งมาก เราก็เลยอยากไปหาผู้คนต่างๆเพื่อไปเอาแง่คิดที่ดีที่เกิดขึ้นกับสังคมมาบอกกล่าว ซึ่งสิ่งพวกนี้มันทำให้เราฮีลใจ แล้วหย่อนเป็นคนสายปฎิบัติธรรมไปไหว้พระทำบุญ เรารู้สึกว่าตอนนี้สำคัญมากเราเห็นเลยว่าไม่ว่าจะเป็นคอมเมนต์โซเชียลออนไลน์มันรุนแรงมาก ผมรู้สึกว่าจริงๆคนเหล่านั้นต้องการที่จะฮีลใจ แต่ไม่มีใครฮีลใจเขา เขาก็เลยไปแสดงออกในอีกทางหนึ่ง มันก็จะมีกลุ่มเป้าหมายสำหรับเราว่าคนต้องการฮีลใจในการใช้ชีวิตอะไรแบบนี้

ซึ่งตอนที่เป็นซึมเศร้าคือเรามีเอ็นเนอร์จี้เยอะ ก็เลยเป็นซึมเศร้าเลย รู้ตัวแล้วก็เลยปฏิบัติธรรม ซึ่งมันดาวน์มาก คือเราเป็นซึมเศร้าและแต่ว่า เราใช้ธรรมะรักษาตัวเอง ก็เลยก้าวออกไปเรียนการแสดงกับคุณครูจนทำให้เราได้ไปเล่นซีรีย์ จนได้รางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมขึ้นมา จากจุดที่ต่ำมากในชีวิต เรากำลังค้นหาและอัพเลเวล ซึ่งใครที่กำลังมีปัญหาตรงนี้อยู่บางครั้งชีวิตมันก็เหมือนมันดาวน์ถึงจุดต่ำสุด แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ มันคือการกระเถิบเลเวลขึ้นไปอีกอันนึงอยู่ ซึ่งโรคซึมเศร้าของเราไม่ได้ไปถึงจุดที่ต้องคิดสั้น เพราะแค่คิดว่าเราจะต้องดูแลคุณแม่ ถ้าหยวนไม่อยู่คนนึงแล้วแม่จะอยู่ยังไงซึ่งมันละเอียดอ่อนมาก ถามว่าโรคซึมเศร้าอยู่กับเราแค่ไหนจริงๆแล้วมันอยู่กับเราไปเรื่อยๆ มันไม่ได้ไปไหน โชคดีที่เราปฎิบัติธรรมแล้วก็จะรู้ตัวตลอด ว่าเรามีอาการนะ ซึ่งไปเจอกับพี่คนนึงแล้วเขาเดินเข้ามาบอกว่าพี่เป็นห่วงหยวนมากนะ หยวนห้ามคิดสั้นนะ เราก็บอกไปว่า ไม่ ผมแค่มีช่วงดาวน์แต่คือผมเชื่อว่าทุกอย่างที่ไม่ดี ถ้าเกิดว่าเราเอามาเป็นพลังในการผลักดันเราสามารถพลิกมันไปให้ได้สูงกว่าเดิม มันไม่ใช่ว่าทุกคนจะรู้สึกแย่ในจิตใจ มีความรู้สึกว้าเหว่ในจิตใจ แล้วทุกอย่างมันจะพังหมด เราต้องพลิกมันมาเป็นพลังงานผลักดันตัวเองให้สู้ ซึ่งถ้าย้อนกลับไปในช่วงที่เราเจอว่าเป็นโรคซึมเศร้าก็เมื่อช่วงโควิดแล้วครับ ซึ่งช่วงโควิดเราก็ทำงานอยู่ แต่แค่ว่ามันเหมือนเราไม่ได้เจอใครเลย เพราะปกติเราชอบทักทายตลอดเวลา แล้วพอเวลาไปกองมันก็คือแบบอยู่ด้วยกันก็ไม่ได้ทุกอย่างมันมีระยะห่างไปหมด แต่ว่ามันก็ไม่ได้แย่เสมอไปเพราะว่าการอยู่คนเดียวเราก็ได้คิดอะไรกับตัวเองเยอะมาก พอเราอยู่กับตัวเองเราก็ได้คิดวิเคราะห์และได้พัฒนาตัวเองด้วย

ส่วนในเรื่องของการเงินหยวนเองไม่ได้มีปัญหาหนัก แต่จะเป็นเรื่องของการโดน หลอกมากกว่า โดนยืมเงินมากกว่า ซึ่งคอลเซ็นเตอร์ก็ไม่ได้กินเลยจ้า เคยอัดเสียงคอลเซ็นเตอร์แล้วบอกกับคุณอา “สรยุทธ” ว่าผมอัดเสียงคอลเซ็นเตอร์ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนใกล้ตัวโดนเยอะมาก อาจารย์หมอที่เป็นพวกโหราศาสตร์ เขาก็จะบอกว่า หยวนยุคนี้เป็นยุคที่แบบยุคดาร์ค หมายถึงคนที่ทำเกี่ยวกับพวกหลอกลวงมันจะเจริญรุ่งเรืองมากต้องระวังนะ เราก็กลัวเพราะส่วนใหญ่เขาจะหลอกผู้ใหญ่

สำหรับเรื่องของคุณแม่ตอนที่คุณแม่ป่วย ท่านเป็นไขมันอุดตันในสมองแล้วก็มีตีบและมีบางส่วนที่อาจจะแตกไปบ้าง ตอนนั้นก็เฟล ซึ่งช่วงนั้นก็ทำงานในวงการบันเทิงทุกวัน ซึ่งผมเห็นว่าใครที่เป็นไขมันอุดตัน หรือ ความดัน อย่าปล่อยไว้เลยนะ คือมันตันตีบแตก พอแตกแม่ผมก็ใช้เวลาในการฟื้นตัวปีนึง กว่าจะเริ่มเดินได้ เราไม่คิดเลยว่ามันจะมีโมเมนต์ที่คุณแม่ไม่สามารถขับถ่ายได้ แล้วแม่ก็จะไม่สะดวกใจในการขับถ่ายบนเตียงหรือใส่แพมเพอร์ถคือไม่ได้ หมอก็บอกมาว่าไม่ได้นะคุณแม่ต้องขับถ่าย ตอนนั้นเราทำงานกลับมาเฝ้าคุณแม่ที่โรงพยาบาล กินข้าวไปน้ำตาใหลไป คือจำภาพนั้นได้เลยว่าแม่ต้องขับถ่ายบนเตียง เราก็พูดว่าต้องสู้ต้องสู้ ต้องดูแลแม่ให้ดีที่สุดทุกอย่าง ตอนนี้คุณแม่ก็ดีขึ้น แต่ว่าก็ต้องตามอายุเพราะคุณแม่ 70 กว่าจะ 80 แล้ว ก็เริ่มมีอาการหลงๆ ลืมๆ ซึ่งเราก็เป็นห่วง บางทีเราก็ถามว่าแม่กินยาหรือยัง บางทีคุยกับเขาก็ไม่ได้ เพราะหูเขาก็ไม่ค่อยดีแล้ว ซึ่งการดูแลคุณแม่หยวนก็จะดูแลช่วงเช้าช่วงเย็น แล้วก็จะมีพี่ชาย เคยคิดที่จะให้คนมาดูแลนะ คือพยาบาลเขาก็ดูแลดีแต่เราว่าพอเป็นคนในครอบครัวคงจะทำได้เต็มที่กว่า ก็เชื่อว่าแม่เราก็อาจจะไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน ซึ่งเขาจะมีกฎระเบียบของเขา ตัวเราเข้าใจ เราก็จะอยู่กับเขาได้ดีที่สุดได้ดูแลและใกล้ชิด หยวนรู้สึกว่ามันเป็นบุญของเราเพราะว่า อย่างเพื่อนฝูงก็ได้เสียคุณแม่ไป ทุกคนคิดถึงแม่ทุกวัน แต่ผมยังมีแม่อยู่เพราะฉะนั้น เราภูมิใจที่เราได้ถวายข้าวให้กับพระอรหันเราทุกวัน ผมรู้สึกแบบนั้นมันเป็นบุญของเราผมจะดูแลให้ดีที่สุด”

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก superyuan