สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ว่า รัฐบาลแอฟริกาใต้กล่าวว่า “เรากังวลกับสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นการรณรงค์เผยแพร่ข้อมูลเท็จและโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งมุ่งโจมตีที่ประเทศของเรา”

แถลงการณ์ระบุต่อไปว่า “น่าผิดหวังที่ข้อมูลเท็จเช่นนี้ ดูเหมือนจะได้รับความนิยมจากผู้มีอำนาจในอเมริกา” จากการที่ทรัมป์อ้างว่า กฎหมายดังกล่าวจะทำให้ “รัฐบาลแอฟริกาใต้สามารถยึดทรัพย์สินทางการเกษตรของชาวอาฟรีกาเนอร์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินชดเชย”

ข้อกล่าวหาในคำสั่งฝ่ายบริหารของผู้นำสหรัฐ ยังระบุถึงความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศกับแอฟริกาใต้ เกี่ยวกับสงครามในฉนวนกาซา โดยเฉพาะการที่รัฐบาลพริทอเรีย ยื่นฟ้องอิสราเอลต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์

ขณะที่กระทรวงต่างประเทศของแอฟริกาใต้ออกแถลงการณ์ว่า “รับทราบ” คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์แล้ว พร้อมเสริมว่า “เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง” ที่คำสั่งนี้ขาดความแม่นยำตามข้อเท็จจริง และล้มเหลวในการตระหนักถึงประวัติศาสตร์อันลึกซึ้ง และเจ็บปวดของลัทธิล่าอาณานิคม และการแบ่งแยกสีผิว

“เป็นเรื่องน่าขันที่คำสั่งฝ่ายบริหารเอื้อประโยชน์แก่ผู้ลี้ภัยของสหรัฐในแอฟริกาใต้ ซึ่งมีสิทธิพิเศษทางเศรษฐกิจมากที่สุด แต่ผู้ลี้ภัยจากประเทศอื่น ๆ ในสหรัฐ กลับถูกเนรเทศและปฏิเสธไม่ให้ลี้ภัย แม้ต้องต่อสู้กับความยากลำบากอย่างแท้จริง”

ส่วนสำนักงานประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ออกมาโต้แย้งสหรัฐว่า “ไม่มีเจตนาจะยึดที่ดินทำกินจากเกษตรกรผิวขาว”.

เครดิตภาพ : AFP