สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ว่า นางแคลร์ โอนีล รมว.การเคหะของออสเตรเลีย กล่าวในแถลงการณ์ว่า นักลงทุนชาวต่างชาติจะถูกห้ามซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่สร้างเสร็จแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. นี้ ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2570 จากนั้นรัฐบาลจะทบทวนข้อจำกัดดังกล่าว เพื่อพิจารณาว่าควรขยายระยะเวลาออกไปหรือไม่

อนึ่ง ที่อยู่อาศัยในออสเตรเลีย ถือว่าอยู่ในกลุ่มบ้านเรือนที่แพงที่สุดในโลก และราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งสูง จะเป็นประเด็นสำคัญในการเลือกตั้งของประเทศ ท่ามกลางวิกฤติค่าครองชีพในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นใหม่ ซึ่งกังวลว่าพวกเขาอาจไม่มีทางซื้อบ้านได้

ตามข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ “คอร์โลจิก อิงค์” ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองซิดนีย์ สูงขึ้นเกือบ 70% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยราคาบ้านเฉลี่ยในปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 25.6 ล้านบาท) มิหนำซ้ำ ค่าเช่าบ้านก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม มาตรการห้ามซื้อบ้านพร้อมอยู่ข้างต้น น่าจะมีผลกระทบต่อราคาที่อยู่อาศัย “เพียงเล็กน้อย” เนื่องจากนักลงทุนชาวต่างชาติ ซื้ออสังหาริมทรัพย์การอยู่อาศัย รวมถึงที่ดินเปล่า บ้านสร้างใหม่ และบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว มูลค่ารวมประมาณ 4,900 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 104,700 ล้านบาท) ในช่วงเวลา 12 เดือน ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2566 โดยบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของจำนวนทั้งหมด.

เครดิตภาพ : AFP