อยากบีบสิวให้ปลอดภัยและไม่ทิ้งรอยแผลเป็น? มาค้นหาคำตอบและเรียนรู้เทคนิคจัดการสิวแบบมือโปรกันดีกว่า ถ้าคุณเป็นคนที่อยากจัดการกับสิวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่เสี่ยงอักเสบหรือทิ้งรอยแผลเป็นไว้ให้เจ็บใจเล่น รับรองว่าคุณจะได้คำแนะนำดี ๆ ที่ทำให้สิวหายเร็วและปลอดภัยจากบทความนี้แน่นอน!

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเคล็ดลับการบีบสิวอย่างถูกวิธีมาแนะนำ พร้อมวิธีดูแลผิวหลังบีบสิวให้สวยใสอย่างปลอดภัยไม่เสี่ยงติดเชื้อ ไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น และไม่ต้องกลัวสิวกลับมารบกวนอีกต่อไป บอกเลยว่าทำได้ง่ายและได้ผลจริง รับรองคุณจะเป็นโปรในการจัดการสิวได้ในไม่ช้า


เป้าหมายของการบีบสิว

จริง ๆ แล้วการบีบสิวนี่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่ใช่ว่าทุกประเภทของสิวจะเหมาะกับการบีบเสมอไปนะ แต่ที่สำคัญคือวิธีการที่ทำต้องถูกต้องด้วย จุดประสงค์หลักในการบีบสิวก็เพื่อให้มันหายเร็วและไม่ทิ้งรอยแผลเป็นมากกว่าที่จะทำให้ผิวพัง

  • กำจัดสิ่งสกปรกและน้ำมัน
    เพื่อลดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งสามารถทำให้สิวหายเร็วขึ้น
  • ลดโอกาสเกิดสิวซ้ำ
    ถ้าบีบสิวออกด้วยวิธีที่สะอาด สิวอาจไม่กลับมาเป็นซ้ำที่เดิม
  • ลดและป้องกันการอักเสบ
    โดยเฉพาะสิวหัวขาว-สิวหัวดำ ที่บีบออกแล้วจะไม่กลายเป็นสิวอักเสบ
  • คืนผิวเรียบเนียน
    การบีบสิวช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น แต่ต้องทำอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดรอยแผลเป็น


สิวแบบไหน “บีบได้” สิวแบบไหน “ห้ามแตะ”?

การบีบสิวต้องเลือกสิวให้ถูกประเภทนะ ดังนั้นหากใครที่กำลังคิดจะบีบขอให้หยุดก่อน แล้วดูว่าสิวของคุณเป็นแบบไหน ไม่ใช่ทุกสิวที่เหมาะกับการบีบ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ก่อนว่าสิวที่เป็นอยู่ คือสิวประเภทไหนกันแน่

  • สิวที่พอบีบได้
    ถ้าเป็นสิวอุดตันแบบหัวขาว (Whiteheads) หรือหัวดำ (Blackheads) ที่ยังไม่ค่อยบวม แสดงว่าพอจะบีบได้ แต่ต้องทำอย่างเบามือและระมัดระวังนะ ไม่งั้นจะเสี่ยงเจ็บและเกิดรอยแผลเป็นได้
  • สิวที่ห้ามบีบ
    สิวอักเสบหรือสิวหนอง (Pustules) หรือสิวซีสต์ (Cystic acne) ที่มีการอักเสบหรือมีหนองอยู่ข้างใน บีบไปก็เจ็บฟรี เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยให้หัวสิวออกได้หมดจดแล้ว ยังทำให้เกิดการอักเสบ สิ่งสกปรกมีสิทธิ์เข้าไปให้หัวสิว และทำให้ติดเชื้อ รักษายากเข้าไปอีก


ตำแหน่งสิวที่ไม่ควรบีบ

บริเวณผิวที่มีความบอบบางหรือเป็นจุดที่อักเสบได้ง่าย มักมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดรอยแผลเป็น ได้แก่ บริเวณรอบดวงตา, บริเวณคาง, บริเวณริมฝีปาก, บริเวณใบหูและลำคอ ล้วนเป็นตำแหน่งที่ไม่ควรบีบสิวเอง แนะนำถ้าจะบีบจริง ๆ ให้อยู่ในความดูแลของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจะดีที่สุด


4 สเต็ปง่าย ๆ บีบสิวยังไงไม่ให้ผิวพัง?

เพื่อให้ผิวรับผลกระทบน้อยที่สุด การบีบสิวจึงต้องทำอย่างมือโปร ดังนั้นขั้นตอนการบีบสิวจึงสำคัญ ด้วยขั้นตอนการบีบสิวที่ง่าย ทำได้ไม่ยากเลยสักนิด

  1. เลือกสิวที่บีบได้
    เลือกบีบเฉพาะสิวหัวขาว-หัวดำ ที่หัวเปิดแล้ว จะบีบออกง่าย ลดโอกาสอักเสบ ส่วนสิวอักเสบ สิวไม่มีหัว ห้ามบีบเด็ดขาด เพราะบีบไปมีแต่จะแย่ลง
  1. ล้างมือและอุปกรณ์ให้สะอาด
    ก่อนบีบสิว มือและอุปกรณ์ต้องสะอาดเสมอ ใช้แอลกอฮอล์เช็ดที่กดสิวเพื่อลดเชื้อโรค
  1. เปิดรูขุมขนก่อนบีบ
    อังหน้าด้วยไอน้ำอุ่นหรือใช้ผ้าขนหนูอุ่นประคบ 5-10 นาที ช่วยให้หัวสิวหลุดง่ายขึ้น
  1. ใช้ที่กดสิวแทนเล็บ
    ที่กดสิวที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วจะช่วยให้สิวหลุดออกโดยไม่ทำร้ายผิว กดเบา ๆ ถ้าสิวไม่ออกง่าย แปลว่ายังไม่พร้อม อย่าฝืน


หลังบีบสิวต้องทำอะไรบ้าง?

บีบสิวเสร็จแล้ว ไม่ได้จบแค่ตรงนั้น ถ้าไม่ดูแลให้ดี ผิวอาจอักเสบหรือเป็นรอยได้ ดังนั้นมาดู 5 วิธีดูแลผิวหนังหลังบีบสิวกันเถอะ

  1. ทำความสะอาดผิว ลดโอกาสการติดเชื้อ
    ควรทำความสะอาดบริเวณที่เป็นสิวเพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยใช้น้ำเกลือเช็ดเบา ๆ หรือใช้สำลีชุบโทนเนอร์ BHA (กรดซาลิไซลิก) ซึ่งช่วยทำความสะอาด ลดการอักเสบ และกระชับรูขุมขน ทำให้สิวหายเร็วขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการติดเชื้อหรืออักเสบเพิ่ม
  1. ใช้ยาแต้มสิว ที่มีส่วนผสมลดอักเสบ
  • Benzoyl Peroxide (BP) ฆ่าเชื้อแบคทีเรียตัวการของสิว พร้อมลดการอักเสบ
  • Salicylic Acid (BHA) ผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันในรูขุมขน
  • เจลว่านหางจระเข้ ช่วยลดรอยแดง ปลอบประโลมผิวให้ฟื้นตัวเร็ว
  • Adapalene เร่งผลัดเซลล์ ลดสิวอุดตัน และลดการอักเสบ
  • Clindamycin ฆ่าเชื้อสิว ลดการอักเสบจากสิวอักเสบ
  • Tea Tree Oil มีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อ ลดการอักเสบแบบธรรมชาติ
  • Tazarotene เป็นเรตินอยด์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดรอยสิว และทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
  • Glycolic Acid ผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นคอลลาเจน ลดการเกิดสิว และช่วยให้หน้าดูกระจ่างใส
  • Niacinamide ควบคุมความมัน ลดการอักเสบ และช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

  1.  แปะปลาสเตอร์สิว ป้องกันเชื้อโรค
    การแปะปลาสเตอร์สิวเป็นวิธีที่ดีมาก ๆ ในการช่วยป้องกันสิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่จะเข้าไปในสิว และยังช่วยดูดซับของเหลวที่ออกมาจากสิว ลดการอักเสบหรือเกิดการติดเชื้อ แน่นอนว่าต้องช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น

  1. หลีกเลี่ยงแสงแดด
    แสงแดดคือศัตรูตัวร้ายที่ทำให้รอยแดงจากสิวเข้มขึ้นและหายช้าลง ถ้าจะออกแดดในช่วงที่แสงแรง ๆ อย่างระหว่าง 10.00 – 16.00 น. ควรหลีกเลี่ยง เพราะแสงแดดในช่วงนั้นมีรังสี UV ที่สามารถทำร้ายผิวเราได้ และอย่าลืมทาครีมกันแดดที่มี SPF 30+ ชนิดที่ไม่ทำให้เกิดสิว (Non-Comedogenic) จะช่วยปกป้องผิวจากรังสีที่อาจทำให้รอยสิวเข้มขึ้น และช่วยให้ผิวหน้าใสขึ้นด้วยนะ

  1. งดแต่งหน้า 24 ชม. ให้ผิวได้พัก
    ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมงนะคะ ให้ผิวได้พักและฟื้นตัวเต็มที่ เพราะการแต่งหน้าจะทำให้ผิวต้องเจอกับสารเคมีจากเครื่องสำอางที่อาจทำให้สิวระคายเคืองหรืออุดตันได้ โดยเฉพาะรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์ที่อาจไปอุดรูขุมขน และยังเป็นตัวการทำสิวขึ้นใหม่เลยเชียวล่ะ


สรุป บีบสิวได้ แต่ต้องทำให้ถูกวิธี!

บีบสิวได้ แต่ต้องทำให้ถูกวิธีนะ ถ้าบีบอย่างระมัดระวังและใช้เทคนิคที่ถูกต้อง สิวจะหายเร็วขึ้นและผิวหน้ากลับมาเรียบเนียนโดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็น แต่ถ้าทำผิดวิธี อาจทำให้สิวยิ่งอักเสบและทิ้งรอยแผลเป็นได้ ดังนั้นก่อนบีบสิว อย่าลืมล้างมือให้สะอาด ประคบอุ่นเพื่อเปิดรูขุมขน ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม และทำความสะอาดแผลหลังบีบเสร็จ แค่ทำตามนี้ สิวก็หายไปได้อย่างปลอดภัยและไม่พัง แต่ถ้าใครพลาดบีบสิวโดยไม่ระมัดระวังจนเกิดปัญหาหรือแผลเป็น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับคำแนะนำและวิธีดูแลที่ดีที่สุด หรือเข้ารับการรักษาผิวอย่างถูกต้อง