สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับญี่ปุ่น ว่าทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันที่ยอดเยี่ยมมาตลอด
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงที่ลงนามร่วมกันนั้น “มีความน่าสนใจ” ตรงที่ “หากญี่ปุ่นถูกรุกราน สหรัฐต้องปกป้อง” ในทางกลับกัน “หากสหรัฐถูกรุกรานบ้าง ไม่มีเนื้อหาตอนใดเลยในสนธิสัญญา ซึ่งระบุว่า ญี่ปุ่นจะมอบความสนับสนุนทางทหารให้แก่อเมริกา”
ทรัมป์กล่าวต่อไปว่า “ยิ่งไปกว่านั้น ญี่ปุ่นยังคงเดินหน้าแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากสหรัฐ” และทิ้งท้ายว่า “อยากรู้มากว่า ใครเป็นคนร่างข้อตกลงแบบนี้”
As we were saying last week, here it comes: Trump attacks Japan pic.twitter.com/Knmu5tjUDw
— Japanese Politics ????????????⛩️ (@Nihonpolitics) March 7, 2025
ด้านนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ผู้นำญี่ปุ่น กล่าวว่า นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองจนถึงตอนนี้ รัฐบาลโตเกียวคือผู้แบกรับภาระทั้งหมด ในการบริหารจัดการฐานทัพสหรัฐทุกแห่งในประเทศ ดังนั้น ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น “ไม่ใช่การที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับเพียงฝ่ายเดียว” และญี่ปุ่นร่วมมีบทบาทกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสหรัฐ ผ่านการค้าที่แบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน
ทั้งนี้ สนธิสัญญาความมั่นคงสหรัฐ-ญี่ปุ่น เป็นการลงนามครั้งแรก เมื่อปี 2494 และมีการแก้ไขเนื้อหาครั้งล่าสุด เมื่อปี 2503 มอบสิทธิให้สหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพและประจำการทหารในญี่ปุ่น ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า อเมริกาต้องร่วมปกป้องอธิปไตยของญี่ปุ่น หากเผชิญกับการรุกรานจากภายนอก
ปัจจุบัน สหรัฐประจำการทหารในญี่ปุ่นมากกว่า 60,000 นาย ถือเป็นประเทศซึ่งมีทหารอเมริกันมากที่สุดในโลก.
เครดิตภาพ : AFP