น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ตามที่รัฐบาลได้เห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อสร้างความแน่นอนในเรื่องรายได้ ดูแลเกษตรกรผู้ปลูกข้าวครอบคลุมกว่า 4.68 ล้านครัวเรือน โดยประกันรายได้ให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 (รอบที่ 1) ซึ่งทาง ธ.ก.ส. จะดำเนินการจ่ายเงินส่วนต่างงวดแรก ในวันที่ 9 พ.ย. นี้

สำหรับเงินส่วนต่างที่จะโอนเข้าบัญชีเกษตรกรในงวดแรกนี้ แบ่งเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ 4,135.77 บาท/ตัน ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ 3,592.25 บาท/ตัน ข้าวหอมปทุมธานี 1,052.14 บาท/ตัน ข้าวเจ้า 1,934.62 บาท/ตัน และข้าวเหนียว 4337.47 บาท/ตัน ข้าวทุกชนิด ณ ความชื้น 15% จำนวนตันตามเกณฑ์ที่กำหนด

พร้อมกันนี้ ก็จะเดินหน้ามาตรการคู่ขนานรักษาระดับเสถียรภาพราคา โดยทางกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า เกษตรกรที่รวมข้าวเข้าจัดเก็บในยุ้งฉาง จะได้ค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท สหกรณ์และโรงสีได้สภาพคล่องชดเชยดอกเบี้ย 3% (สหกรณ์ได้ระยะเวลา 1 ปี ส่วนโรงสีได้ระยะเวลา 6 เดือน) ส่วนผู้ค้าข้าว ชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต๊อก 3% เพื่อเป็นการชะลอการขายข้าวสู่ตลาดในช่วงที่มีผลผลิตออกมามาก

ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ได้เร่งระบายข้าวออกสู่ตลาดต่างประเทศผ่านมาตรการส่งเสริมการส่งออก และเมื่อผนวกกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง คาดว่าแนวโน้มในปีนี้ไทยจะสามารถส่งออกข้าวได้ตามเป้าหมายที่ปริมาณ 6 ล้านตัน นับตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค. เป็นต้นมา จะเห็นว่าตัวเลขส่งออกมีปริมาณมากขึ้น ตลาดหลักที่ไทยส่งออกได้เพิ่ม อาทิ จีน ฟิลิปปินส์ แคเมอรูน มาเลเซีย โมซัมบิก และสิงคโปร์ สถิติการขอใบอนุญาตส่งออกข้าว ตอนนี้เป็นเดือนละ 7-8 แสนตัน ขณะที่ครึ่งปีแรกประมาณเดือนละ 4-5 แสนตันเท่านั้น

ขอบคุณภาพ : jcomp