เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ร.ต.ท.ธรรมธัช ไพบูลย์ผล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสุพรรณบุรี ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ บริเวณชุมชนย่อยวัดไชนาวาส ถนนประชาธิปไตย ซอย 8 โดยเพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว จึงได้ประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี เทศบาลตำบลท่าระหัด และพื้นที่ใกล้เคียง ได้ระดมรถดับเพลิงกว่า 10 คัน ได้เร่งสกัดฉีดน้ำสกัดเพลิง เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิเสมอกันสุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่กู้ภัยเณรแก้วทางหลวงสุพรรณบุรี ได้เข้าช่วยเหลือประชาชน ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. จึงได้ควบคุมเพลิงไว้ได้ พบว่าบ้านเรือนประชาชนถูกเพลิงไหม้เสียหาย 4 หลังคาเรือน

เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า บริเวณดังกล่าว เป็นบ้านเรือนของประชาชนที่อาศัยอยู่กันเป็นชุมชน โดยเป็นชุมชนเก่า นับ 100 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ จึงทำให้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เพลิงจึงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ส่วนผู้อาศัยในบ้านวิ่งหนีออกมาได้ทัน ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้ป่วยติดเตียง คุณยาย วัย 78 ปี 1 ราย โชคดีเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือออกมาได้ทัน ส่วนบ้านนั้นถูกไฟไหม้หมด
จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ น.ส.สุจิรา ยอดไม้งาม ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนนั้นได้อาศัยอยู่บ้านใกล้เคียง ได้เห็นกลุ่มควันไฟลอยสูงขึ้นมา จากนั้นไม่นาน ไฟก็ลุกพึ่บลุกลามอย่างรวดเร็ว ตกใจมาก ซึ่งบริเวณนี้เป็นบ้านเรือนชุมชนที่มีบ้านอยู่กันอย่างหนาแน่น โชคดีที่เจ้าหน้าที่ได้สกัดเพลิงไว้อย่างรวดเร็ว จึงไม่ทำให้ลุกลามเป็นวงกว้างมากกว่านี้

ด้าน เจ้าของบ้านรายหนึ่ง เล่าด้วยอาหารตกใจว่า ตนได้รับทราบ มีคนโทรฯ มาบอกว่าบ้านไฟไหม้ ตกใจมาก เพียงไม่กี่นาที ไฟก็ลุกลามอย่างรวดเร็ว จากบ้านต้นเพลิง มายังบ้านของตน ที่ปล่อยเป็นบ้านเช่า จำนวน 2 หลัง ถูกไฟไหม้หมดเลย โชคดีไม่มีใครเป็นอะไร ออกมาได้หมด

ต่อมา ดร.อุดม โปร่งฟ้า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี และ ดร.เอกพันธุ์ อินทร์ใจเอื้อ นายกเทศมนตรีเมืองสุพรรณบุรี ได้เดินทางลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ และได้เข้าให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัยในครั้งนี้ พร้อมกล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบ และสอบถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี เทศบาลท่าระหัด ทีม ปภ.อบจ.สุพรรณบุรี และหน่วยงานในนพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ระดมกำลังเข้ามาช่วยเหลืออย่างเต็มที่ อย่างรวดเร็ว ทั้งในส่วนรถดับเพลิง เจ้าหน้าที่ดับเพลิง อุปกรณ์ช่วยเหลือ ทีมแพทย์ พยาบาล กู้ภัย โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร หรือได้รับบาดเจ็บ ปลอดภัยทั้งหมด ส่วนบ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งหลัง ประมาณ 4 หลังคาเรือน ซึ่งเราได้ช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที สกัดเพลิงได้เร็ว ทำให้ไฟไม่ลุกลามไปยังชุมชนเสียหายมากกว่านี้ ส่วนเรื่องการช่วยเหลือ จะได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลในเรื่องที่พักชั่วคราว และเรื่องการเยียวยาช่วยเหลือต่อไป เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ถึงสาเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ว่าเกิดจากอะไร โดยจะมีการตรวจสอบพยาน หลักฐาน บ้านต้นเพลิงในที่เกิดเหตุอีกครั้งอย่างละเอียด.