เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 มี.ค. ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี  และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวของจีน ว่า ทางการจีนส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ภัยแผ่นดินไหวเข้ามา และติดต่อประสานงานมาเมื่อคืนนี้จึงเห็นว่า เป็นเรื่องมีประโยชน์จึงนัดมาพบในวันนี้ ผู้เชี่ยวชาญได้ดูหน้างานแล้ว บอกว่าสิ่งที่ประเทศไทยได้ทำตอนนี้คือการกู้ภัยที่เป็นมาตรฐานและความชำนาญ จึงไม่ต้องให้คำแนะนำเพิ่มเติม เพราะใกล้ 48 ชั่วโมงแล้ว จะเปลี่ยนวิธีการไม่น่าจะเกิดประโยชน์อะไร แต่ต้องใช้ทุกวิธีจากนี้ใน 72 ชั่วโมงเร่งหาผู้รอดชีวิตให้

นายอนุทิน  กล่าวถึงเรื่องผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยได้บอกว่าทำได้เพียงรับฟัง แต่ไม่สามารถเข้าไปในหน่วยงานได้ เพราะเกี่ยวข้องกับผู้รับเหมาจากบริษัทจีน จึงได้แจ้งให้รับทราบไป แต่การเข้าพบในวันนี้ ทางการจีนไม่ได้มาพบในฐานะผู้รับเหมา แต่มาในฐานะการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ไม่ได้มาค้นหาความจริง และบุคคลที่มาเป็นผู้เชี่ยวชาญ หลังจากได้ประเมินสถานการณ์ แจ้งไปว่าเมื่อพ้น 72 ชั่วโมงไปแล้วต้องลุยเข้าไปหาและเคลียร์พื้นที่โดยเร็วที่สุด เพราะยังหวังว่ายังมีผู้รอดชีวิตอยู่ หากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปคาดว่าจะไม่มีผู้รอดชีวิต และต้องเคลียร์พื้นที่ไซต์งานให้เห็นชัดว่าไม่เหลืออะไรแล้ว

เมื่อถามถึงเรื่องข้อเสนอแนะจากจีนที่เป็นประโยชน์กับไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ที่คุยกัน จีนแจ้งบอกว่าไทยทำตามมาตรการอยู่แล้ว  ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร ซึ่งทีมวิศวกรชุดนี้เคยมาช่วยตอนที่อุโมงค์ถล่มที่ จ.นครราชสีมา มาแล้ว เพื่อให้เกิดความมั่นใจในความปลอดภัย หากจะมุ่งแต่เข้าไปค้นหาผู้รอดชีวิตแต่ไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของชุดกู้ภัยอาจจะทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น 

เมื่อถามถึง ชายใส่ชุดดำขนแฟ้มเอกสารในที่เกิดเหตุนั้นขึ้นรถกระบะ นายอนุทิน กล่าวว่า การตรวจสอบในวันนี้ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในเรื่องการก่อสร้างอาคาร สตง. จะใช้เวลาใช้เวลาประมาณ 7 วันในการหาข้อเท็จจริงเบื้องต้น

“ไม่ว่าจะหอบแฟ้มอะไรไปก็แล้วแต่ ผลจะออกมาอย่างไร แบบก่อสร้างเอกสารการประมูลงานสัญญาต่างๆ ยังมีที่ สตง. แม้จะหอบเอกสารใดออกไป ก็หนีไม่พ้น ไม่ต้องหาข้อมูลในวงกว้างเพราะอาคารดังกล่าวเป็นอาคารราชการ ดังนั้นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ กทม.การอนุมัติก่อสร้างได้อย่างไร ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแค่แจ้งเพื่อทราบหน่วยงานเจ้าของงานทำการประมูลและจ้างผู้คุมงาน ส่วนแบบก่อสร้างผู้ออกแบบต้องเซ็นรับรอง ตอนนี้เน้นการสอบไปที่ผู้ออกแบบผู้คุมงานและผู้ก่อสร้าง ที่บอกว่าเป็นบริษัทจีนยังไม่ทราบในข้อเท็จจริง เพราะในสัญญาเขียนว่า JV บริษัทไทยและจีนร่วมค้ากัน ความรับผิดชอบเรียกว่ารับผิดชอบร่วมกัน ถ้าบริษัทไทยไม่สามารถรับผิดชอบก็ต้องไล่บี้กับผู้รับเหมาจีน หากผู้รับเหมาจีนไม่มีความรับผิดชอบก็ต้องบี้กับผู้รับเหมาไทยต้องรับผิดชอบทั้งคู่ไม่ต้องกังวล” นายอนุทิน  กล่าว 

นายอนุทิน กล่าวว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้เซ็นไปแล้วในช่วงเช้านี้ โดยมีวิศวกรใหญ่กรมโยธาธิการฯ เป็นประธานการสอบ และมีนายกสภาวิศวกร มี ศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย อาจารย์สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) และผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ และ ผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกสภาวิศวกร ซึ่งเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ รวมอยู่ด้วย 7 วัน จะรู้สาเหตุเบื้องต้น แผ่นดินไหวครั้งนี้แรงสั่นสะเทือนถึงขนาด 7.8 แต่พบว่ามีอาคารมากกว่า ร้อยละ 95 ยังคงยืนอยู่ได้ แต่ส่วนที่มีความเสียหายถึงขั้นถล่มมีเพียงอาคาร สตง. ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถหาข้อบกพร่องได้อย่างแน่นอน

“หาสาเหตุตึกถล่มการออกแบบเป็นตึกใหม่  ออกแบบหลังมีพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร ที่คำนึงถึงปัจจัยแรงต้านแผ่นดินไหว เหตุใดถึงถล่มได้ จะอ้างว่าเพิ่งก่อสร้างปูนไม่เซตตัวไม่ได้ ต้องตั้งข้อสงสัยเรื่องการออกแบบ ถ้าแบบออกถูกต้องหมดซึ่งสามารถเช็กได้จะต้องรู้ว่าการก่อสร้างหากแบบออกถูกต้อง  อาจหมายความว่าผิดพลาดที่วิธีการก่อสร้าง ต้องหาข้อบกพร่องให้เจอ” นายอนุทิน  กล่าวในฐานะคนเคยทำงานด้านนี้มา

เมื่อถามว่า หนึ่งผู้รับเหมาใช้นอมินีคนไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี เพราะใช้คู่สัญญาไชนาเรียลเวย์ กับ เจวี ซึ่งรัฐบาลไม่ได้มองเรื่องการถือหุ้น แต่หากมีความผิดจุดใดต้องรับผิดชอบเต็มทั้งคู่ จนกว่าจะได้รับคืนความเสียหายกลับมาทั้งหมด เพราะสิ่งที่เสียไปคือโอกาส และ สตง. ยังไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ ซึ่งถือว่าโชคดีหากตึกเสร็จก่อนแล้วเข้าไป ทำงานในสภาพที่ไม่แข็งแรง ชี้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ส่วนการชดใช้ความเสียหายระบุในสัญญาอยู่แล้ว 

รมว.มหาดไทย ยังกล่าวถึงวิศวกรอาสา เข้าตรวจตึกสูงในพื้นที่ ต่างจังหวัดว่ามีโยธาธิการจังหวัด ที่จะเข้าไปตรวจอาคารสาธารณะ โรงเรียน โรงพยาบาล ส่วนการตรวจสอบอาคารในกรุงเทพมหานคร อาคารชุด อาคารสำนักงานจะมีวงรอบการตรวจทุกปีอยู่แล้ว เชื่อว่านิติบุคคลอาคารต่างๆ ต้องดำเนินการอยู่แล้วเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้พักอาศัย  ส่วนในวันที่ 31 มี.ค.นี้ ทางด่วนดินแดง ในจุดที่เครนหล่น จะสามารถเปิดให้บริการได้.