เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 3 เม.ย. ที่ศาลาธรรมสังเวช วัดโพธิ์ธาตุ ต.ชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพ น.ส.อรอุมา แก่นเมือง หรือปลา ผู้รับเหมาที่ทำงานเดินสายไฟฟ้า ภายในอาคาร สตง. ที่ถล่มลงมาจากเหตุแผ่นดินไหว น.ส.อารยา แก่นเมือง หรือน้องน้ำตาล อายุ 21 ปี ลูกสาวผู้ตาย พร้อมด้วยญาติพี่น้อง ต่างพากันจุดธูปเคารพศพผู้เป็นที่รัก ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าโศกเสียใจอย่างยิ่ง
น.ส.อารยา กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า จะตั้งสวดอภิธรรมศพแม่ 1 คืน จากนั้นก็จะทำพิธีฌาปนกิจศพแม่ในวันศุกร์ที่ 4 เมษายน โดยแม่และพ่อนั้นรับเหมางานระบบไฟฟ้าจากบริษัท ยุนิเพาเวอร์ จึงได้เข้าไปทำงานที่อาคาร สตง. มาเป็นเวลาร่วม 2 เดือนแล้ว โดยมีทีมงานที่ทำงานด้วยกันทั้งหมด 8 คน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมี นายเจษฎา ส่อนชัย หรือฟาส อายุ 21 ปี แฟนหนุ่มของตน ซึ่งอยู่บ้านเลขที่ 370 บ้านโคกม่วง หมู่ 8 ต.ขัวเรียง อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น รวมอยู่ด้วย
“วันเกิดเหตุนั้นพ่อแม่ให้ตนเองลงมาเอาอุปกรณ์ที่ชั้นล่าง จู่ๆ ก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้น ตอนที่แผ่นดินไหวนั้น ตนเองได้โทรศัพท์หาแม่ ซึ่งแม่บอกว่าอยู่ในที่ปลอดภัยทั้ง 3 คน คือมีพ่อ มีแม่ และฟาส แฟนของตนเอง แต่ไม่ทราบว่าอยู่ที่ชั้นไหน พร้อมกับบอกให้ตนเองวิ่งหนี ตนเองจึงวิ่งออกไป ก่อนที่จะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ จึงพยายามติดต่ออีกครั้ง โทรฯ ติดแต่ไม่มีคนรับสาย และไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย” น.ส.อารยา กล่าวพร้อมน้ำตาคลอเบ้า
“และก่อนที่ตึกจะถล่ม ในช่วงเช้าขณะเดินทางมาที่ตึกเพื่อเริ่มทำงาน จู่ๆ รถกระบะของพ่อที่ขับมาเกิดยางแตก แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นลางบอกเหตุอะไร และพอแผ่นดินไหวไม่ถึง 2 นาที ตึกทั้ง 29 ชั้นก็ถล่มลงมาทั้งหมด ตอนนี้พบเพียงศพของแม่ แต่ยังไม่พบร่างของแฟนกับพ่อ ก่อนที่จะพาร่างแม่กลับมาที่วัดเมื่อคืนที่ผ่านมา ตอนนี้เป็นห่วงน้อง อยากให้น้องมีอนาคตด้านการเรียน ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง”
น.ส.อารยา กล่าวต่อทั้งน้ำตาว่า ตนเองและแฟนหนุ่มได้วางแผนที่จะแต่งงานกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ และได้พูดคุยกันไว้ว่าหากหลังพิธีหมั้น หากไม่ได้ไปทำงานกับพ่อแม่ต่อก็จะแต่งงานกันทันทีและทำงานอยู่ที่ขอนแก่น “ตลอดเวลาที่คบกับฟาส ฟาสจะบอกเสมอว่าห่วงตนเองและห่วงตากับน้องที่อยู่บ้าน ซึ่งในวันพรุ่งนี้ก็จะทำการเผาศพแม่ส่งดวงวิญญาณตามประเพณี”
ด้านนายพีรพล โม้เวียง หรือเปา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 205 หมู่ 11 บ้านห้วยโจด ต.หนองแดง อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น คนงานของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตจากเหตุตึก สตง. ถล่ม กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุผู้ตายได้บอกให้ตนเองลงไปเอากระติกน้ำที่อยู่หน้ารถขึ้นมาให้ เพราะลืมเอาไว้ ก่อนที่จะลงไปที่ชั้น 25 เพื่อเอากุญแจรถ พอลงลิฟต์ไปถึงชั้น 1 ก็ได้ยินเสียงปูนแตก และมีเสียงกรีดร้อง ตนเองจึงตัดสินใจวิ่งหนีทันที โดยมีคนขับลิฟต์อีกคนวิ่งตามออกมา ซึ่งรอดชีวิตทั้งคู่
“ตอนที่วิ่งนั้นไม่ได้คิดอะไร คิดแต่ว่าต้องวิ่งให้เร็วที่สุด แล้วออกมาเจอสังกะสีกั้นทางไว้จึงรีบพังออกมา และเห็นคนอื่นๆ ที่วิ่งตามกันออกมา พร้อมกับความรู้สึกตกใจ เกิดมาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ พอออกมาได้ก็วิ่งออกตามหาน้องน้ำตาล เพราะน้องน้ำตาลลงมาเอาของก่อน โดยตะโกนหาตามถนน ก่อนจะเจอกันด้านหน้าทางเข้าอาคาร แต่พี่ปลาและคนอื่นๆ ติดอยู่ด้านใน”
นายพีรพล กล่าวต่อว่า ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไร แต่หลังจากเสร็จงานศพก็จะบวชแก้บนตามที่แม่บนบานเอาไว้ และความตั้งใจส่วนตัวก็อยากจะบวชให้กับพี่ปลาและสามีพี่ปลาด้วย รวมทั้งน้องฟาสแฟนของน้องน้ำตาลด้วย เป็นเวลา 7 วัน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ อย่างไรก็ตามตนเองอยู่ทำงานกับพี่ปลาได้ 3 ปีแล้ว มีความเคารพนับถือพี่ปลาและสามีพี่ปลามาก ตอนนี้จะอยู่ช่วยงานที่นี่ก่อน โดยพ่อและแม่ของตนเองจะเดินทางมาหาในวันนี้