เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเมื่อวานนี้ พายุฝนได้กระหน่ำอย่างหนักนานกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้ลิ้นจี่ของ จ.สมุทรสงคราม ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูก 5,093 ไร่ และปีนี้ให้ผลผลิตประมาณ 3,500 ตัน แม้บางส่วนเจ้าของสวนจะได้ทยอยเก็บขายไปบ้างแล้วประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนเป็นต้นมา แต่ก็ยังมีลิ้นจี่อีกจำนวนมากที่กำลังแก่ได้ที่ บางส่วนได้ร่วงหล่นเพราะแรงลมได้รับความเสียหายไม่น้อย ทำให้ชาวสวนต้องเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตออกขายอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้นอีกวันสองวันนี้ ลิ้นจี่ที่ได้รับน้ำฝน เปลือกจะปริแตกได้รับความเสียหายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเมื่อลิ้นจี่ใกล้จะเก็บเกี่ยวผลผลิต ชาวสวนจะงดให้น้ำ เพื่อให้ผลลิ้นจี่แห้งและมีรสหวานยิ่งขึ้น แต่เมื่อฝนตกลงมา ลิ้นจี่ที่ไม่ได้รับน้ำมานานก็จะดูดซึมอย่างเต็มที่ เนื้อลิ้นจี่ก็จะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่เปลือกขยายตัวไม่ทัน ก็จะปริแตกไม่สามารถนำไปขายได้

นายสนธยา ตันติรักษ์ เจ้าของสวนลิ้นจี่ ใน ต.สวนหลวง และ ต.แควอ้อม อ.อัมพวา ซึ่งปลูกลิ้นจี่รวมกว่า 300 ต้น บอกว่า ปีนี้สวนตนให้ผลผลิต 120 ต้น ยังเหลือลิ้นจี่ที่แก่ได้ที่ แต่ยังไม่ได้เก็บผลผลิตอีกประมาณ 7-8 ตัน ฝนที่ตกลงมาเมื่อวานนี้ ทำให้ลิ้นจี่ของตนร่วงหล่นเพราะแรงลม ได้รับความเสียหายไปแล้วส่วนหนึ่ง คาดว่าประมาณ 20 เปอร์เซนต์ คิดเป็นมูลค่าก็หลายหมื่นบาท และยังจะทยอยแตก ได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้ตนได้ระดมคนงานเร่งเก็บผลผลิตที่เหลืออย่างเต็มที่ เพราะหากฝนตกซ้ำลงมาอีก ลิ้นจี่ก็จะแตกเสียหายมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม การที่ลิ้นจี่ร่วงเพราะแรงลมและเปลือกที่ปริแตกเพราะน้ำฝนครั้งนี้ ความเสียหายถือว่ายังไม่มากเมื่อเทียบกับบางปี อีกอย่างลิ้นจี่ที่แก่ได้ทยอยเก็บขายไปแล้วส่วนหนึ่ง และก่อนหน้านี้ก็ได้บำรุงต้นมาอย่างดี โดยเฉพาะการให้น้ำที่สม่ำเสมอ จึงไม่ทำให้ลิ้นจี่แตกง่าย แต่กลับเป็นผลดี เพราะลูกลิ้นจี่ที่ได้รับน้ำฝน ผลจะใหญ่ขึ้นและเนื้อฉ่ำ ส่วนลูกที่เปลือกแตก ก็นำไปแปรรูปทำลิ้นจี่ลอยแก้ว หรือตากแห้ง ไม่ได้เสียหายเปล่าประโยชน์เลยทีเดียว

น.ส.รัชนีรมณ์ ประเสริฐลักษณา อายุ 60 ปี เจ้าของสวนลิ้นจี่ลักษณา ใน ต.แควอ้อม บอกว่าฝนที่ตกลงมาเมื่อวานนี้ ไม่ได้ทำให้ลิ้นจี่สวนตนได้รับความเสียหายมากนัก เพราะตนดูแลมาอย่างดีตั้งแต่ก่อนจะติดผล โดยเฉพาะการให้น้ำที่ทำอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้เปลือกไม่แห้ง เมื่อฝนตกก็จะทำให้ลูกลิ้นจี่ขยายได้และเปลือกไม่แตกง่าย อย่างไรก็ตาม ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่าช่วงนี้จะมีฝนตกอีกหลายวัน ตนไม่ได้ห่วงเรื่องฝนตกมากนัก แต่กังวลเรื่องพายุลมแรงมากกว่า เพราะไม่ใช่ลิ้นจี่ที่แก่ได้ที่เท่านั้น แม้ลิ้นจี่ที่ยังอ่อนอยู่ เมื่อโดนลมพัดแรงๆ ก็จะร่วงหล่นได้รับความเสียหายอย่างน่าเสียดาย

สำหรับลิ้นจี่ของ จ.สมุทรสงคราม ปีนี้ ให้ผลผลิตประมาณ 3,500 ตัน ขณะนี้ชาวสวนได้ทยอยเก็บผลผลิตไปแล้วประมาณ 500-1,000 ตัน ได้รับความเสียหายจากพายุฝนเมื่อวานนี้ส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือชาวสวนจะทยอยเก็บผลผลิตเรื่อยไป คาดว่าลิ้นจี่จะหมดจากสวนประมาณปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนราคาขายนั้น ที่ผ่านมาเนื่องจากเป็นต้นฤดูและผลผลิตยังมีน้อย จึงขายได้กิโลกรัมละตั้งแต่ 150-250 บาท แต่เมื่อฝนตกลงมาช่วงนี้ ชาวสวนต้องเร่งเก็บผลผลิตออกมาประดังกัน ราคาจึงน่าจะถูกลงมาบ้าง อยู่ที่กิโลกรัมละ 120-180 บาท แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของลิ้นจี่แต่ละสวนด้วย
