จากกรณี เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี สนธิกำลังกับฝ่ายปกครองและตำรวจ บุกเข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่บ้านคลองมะเดื่อ ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี หลังได้รับแจ้งเบาะแสเปิดเป็น “สำนักสมุนไพร” มีการลักลอบผลิตยา/สมุนไพร เปิดคลินิกเถื่อน และรักษาโรคโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อมาวันที่ 4 พ.ค. 68 แพทย์หญิงอรรัตน์ จันทร์เพ็ญ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมทีมงาน เดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.วังตะเคียน เพื่อให้ดำเนินคดีกับ “นายพรชัย” (สงวนนามสกุล) เจ้าสำนัก ผู้กระทำผิด ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ตำรวจนำหมายศาลบุกค้นบ้านเป้าหมายอีกครั้ง พบลูกศิษย์ของ นายพรชัย (สงวนนามสกุล) ชายที่ถูกกล่าวหา นำตรวจค้น พบสมุนไพรทั้งแบบผงและน้ำจำนวนมาก พร้อมอุปกรณ์ผลิตสมุนไพร เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้ตรวจสอบ นอกจากนี้ยังเจอสายน้ำเกลือทั้งที่ใช้แล้วและยังไม่ได้ใช้หลายลัง กล่องเข็มฉีดยา โดยระหว่างนั้นฝ่ายลูกศิษย์พยายามทำลายแต่ถูกเจ้าหน้าที่ห้ามไว้ก่อน นอกจากนี้ยังพบกล่องอุปกรณ์การแพทย์ และใบสั่งซื้อไซริงค์แก้วถูกทิ้งอยู่ในกองขยะ โดยการตรวจค้นดังกล่าว นายพรชัย ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนบางสำนักเข้าไปภายในบ้าน โดยมีลูกศิษย์คอยดูแลการเข้าออกอย่างเข้มงวด

ด้าน เภสัชกรชำนาญการ เปิดเผยว่า จากหลักฐานเบื้องต้น พบการกระทำผิดจริง ทั้งผลิตสมุนไพรเถื่อน เปิดคลินิกเถื่อน และรักษาโรคโดยไม่มีใบอนุญาต โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่พบ อาทิ ตู้อบ เครื่องบด หอกลั่น น่าสงสัยว่าอาจใช้ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม จึงยึดไว้ตรวจสอบอย่างละเอียด ส่วนห้องพักของ นายพรชัย พบขอแขวนหลายจุดผิดปกติ ซึ่งยังไม่ทราบวัตถุประสงค์

ด้านผู้ที่เคยเข้ารับการรักษารายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า ตนป่วยเป็นโรคตับแข็งมาครึ่งปี และมารักษาด้วยยาสมุนไพรกับอาจารย์ (นายพรชัย) ไม่ถึงปี อาการก็ดีขึ้นจนหาย โดยวิธีการกินยาและฉีดยาที่อาจารย์ปรุงเอง ยืนยันว่าตอนฉีดยาไม่มีอาการผิดปกติ และฉีดไปไม่ถึง 100 เข็ม พร้อมน้ำเกลือ ตอนนี้หายดีแล้ว ส่วนกรณีผู้ป่วยที่เสียชีวิตเป็นข่าวนั้น ตนเห็นว่าอาการหนักมากและจิตใจอ่อนแอ

ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายพรชัย และคนในบ้านได้เดินทางไปให้ข้อมูลกับตำรวจ สภ.วังตะเคียน เบื้องต้นถูกแจ้งข้อกล่าวหา แต่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากไม่มีพฤติการณ์หลบหนี สำหรับสมุนไพรที่ยึดมา เจ้าหน้าที่จะส่งไปตรวจพิสูจน์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ส่วนอุปกรณ์ผลิตยาถูกอายัดไว้จนกว่าคดีจะสิ้นสุด ซึ่งขณะนี้ตำรวจยังคงเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.