สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ว่า กองทัพปากีสถานออกแถลงการณ์ ยืนยันการเปิดปฏิบัติการโจมตีตอบโต้อินเดีย ตามแนวชายแดนที่ติดกัน โดยเฉพาะที่ภูมิภาคแคชเมียร์ เพื่อตอบโต้ที่อีกฝ่ายโจมตีฐานทัพ 3 แห่งในประเทศ รวมถึงฐานทัพในเมืองราวัลพินดี ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงอิสลามาบัด ประมาณ 10 กิโลเมตรเท่านั้น
ขณะที่กองทัพอินเดียกล่าวหาปากีสถานเป็นฝ่ายเริ่ม และไม่ให้ความเห็นว่า โจมตีฐานทัพปากีสถานจริงหรือไม่ แต่สื่อท้องถิ่นหลายแห่งรายงานว่า นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคง ที่มีชนวนเหตุจากเหตุกราดยิงกลุ่มนักท่องเที่ยว ในเมืองพาฮาลแกม ซึ่งอยู่ภายในเขตแคชเมียร์ฝั่งอินเดีย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย และอินเดียกล่าวหาว่า กลุ่มติดอาวุธ “ที่ปากีสถานสนับสนุน” อยู่เบื้องหลัง
India says Pakistan fired missiles at its airbases, hours after Islamabad makes same claim
— BBC Breaking News (@BBCBreaking) May 10, 2025
Follow live as tensions escalate https://t.co/U7OifjClK5
ทั้งนี้ กองทัพอินเดียปฏิบัติการโจมตีทางทหารในปากีสถาน เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา ด้านรัฐบาลอิสลามาบัดตอบโต้ด้วยการยิงปืนใหญ่ข้ามแดน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันมากกว่า 50 ราย หลังจากนั้น ต่างฝ่ายต่างกล่าวหากัน ว่ามีการโจมตีด้วยอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) อย่างต่อเนื่อง
ด้านนายชาฟกัต อาลี ข่าน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศปากีสถาน กล่าวว่า ความกระหายสงครามและแนวคิดชาตินิยมแบบหยิ่งผยองของอินเดีย เป็นเรื่องที่ประชาคมระหว่างประเทศควรแสดงความวิตกกังวล เนื่องจากปฏิบัติการทางทหารของอินเดีย กำลังทำให้อินเดียและปากีสถาน ซึ่งเป็นสองประเทศในเอเชียใต้ที่มีอาวุธนิวเคลียร์ เข้าใกล้สงครามมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
ส่วนนายมาร์โก รูบิโอ รมว.การต่างประเทศสหรัฐ เรียกร้อง “การติดต่อสื่อสาร” ระหว่างอินเดียกับปากีสถาน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน และรัฐบาลวอชิงตัน ยินดีเป็นผู้ประสานงานในฐานะคนกลาง
เช่นเดียวกับนายเดวิด แลมมี รมว.การต่างประเทศสหราชอาณาจักร อดีตเจ้าอาณานิคมของอินเดียและปากีสถาน ซึ่งกล่าวว่า รัฐบาลลอนดอนพร้อมทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง ระหว่างสองประเทศมหาอำนาจในเอเชียใต้.
เครดิตภาพ : AFP